วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

สบู่คอลลาเจนผสมทองคำ สไบนาง

สบู่คอลลาเจนผสมทองคำ สไบนาง

สบู่สำหรับผิวที่ต้องการบำรุงเป็นพิเศษ ประทินผิวด้วยทองคำบริสุทธิ์ แร่ธาตุอันทรงคุณค่า ผสานน้ำผึ้งธรรมชาติที่ช่วยสมานผิว และคอลลาเจนจากปลาทะเล ช่วยให้ผิวเนียนนุ่มน่าสัมผัส ทำความสะอาดและบำรุงผิวให้สดใสในขั้นตอนเดียว

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ครีมกันแดดหน้านวล สไบนาง

รายละเอียด:

ครีมกันแดดหน้านวล SPF 32 เป็นครีมกันแดดประสิทธิภาพสูง มีส่วนผสมจากสารสกัดสมุนไพรธรรมชาติ อาทิเช่น สารสกัดจากชุมเห็ดเทศ, ว่านห่างจระเข้, และน้ำมันจากเมล็ดองุ่น ผสานกับสารป้องกันแสงแดด ที่เข้าบำรุงพร้อมปกป้องผิวคุณจากรังสี UVA และ UVB อันเป็นสาเหตุของฝ้าแดดและผิวหมองคล้ำ ครีมเนียนนุ่มไม่เหนียวเหนอหนะ ช่วยให้ผิวแลดูขาวนวลเนียนกระจ่างใส อย่างเป็นธรรมชาิต ควรใช้เป็นประจำทุกวัน

เบบี้เฟซเซรั่ม สไบนาง

รายละเอียด:

 ปรับผิวขาวกระจ่างใสด้วยสารสกัดจากอินทนินน้ำ และวิตามินซี พร้อมทั้งช่วยให้ผิวแลดูเต่งตึงกระชับด้วยโปรตีนจากถั่วเหลือง และคอลลาเจนบริสุทธิ์ ผสานคุณค่ากันอย่างลงตัว เพื่อให้ผิวคุณดูเด็กขึ้น ย้อนอายุ ปรับผิวใสอย่างเป็นธรรมชาติ ที่คุณต้องลองสัมผัสสักครั้ง

สบู่ล้างหน้า ภูมิพฤกษา สูตรน้ำผึ้ง

สิ่งสำคัญที่สุดคือการล้างหน้า และตลอดชีวิต ก็ไม่เคยหาโฟม หรือสบู่ที่มันล้างแล้วรุ้สึกว่า สะอาดได้เลย ส่วนใหญ่มีแต่แพ้ หน้าก็หมองๆ สิวๆ ไม่มีอะไรจะเสียล่ะ เลยลองตัวนี้ ใช้ไปก้อนแรกก็ติดใจเลย  ใช้แล้วสิวไม่ขึ้น หน้านุ่ม ไม่แห้งตึงค่ะ ถูกด้วย ไม่ได้ใช้คลีนเซอร์อะไรล้างก่อน ก็ไม่มีสิวอุดตันกวนใจ หน้าดูขาวขึ้นด้วยค่ะ ใช้มานับไม่ถ้วนแล้ว แต่สูตรอื่นๆ ใช้แล้วเหมือนสิวขึ้น เลยไม่กล้าลอง

ครีมทาฝ้า สไบนาง

ครีมทาฝ้าสไบนาง มีส่วนผสมจากสารสกัดจากยีสต์ และดอกดาวเรือง และ Hexylresorcinol พร้อมวิตามินซีเข้มข้น ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสีที่เป็นสาเหตุของฝ้า กระ จุดด่างดำ อย่างตรงจุด ทำให้ผิวที่หมองคล้ำออก ลดผลกระทบจากแสงยูวี ที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวหมองคล้ำได้

เซรั่มสำหรับผมและขนคิ้ว สใบนาง

รายละเอียด:

เซรั่มสมุนไพรสำหรับผมและขนคิ้ว สไบนาง

เซรั่มสมุนไพรสกัดเข้มข้นสไบนาง สำหรับบำรุงเส้นผมและขนคิ้วให้และดูดกดำสวยงานแข็งแรง ใช้ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงดูแลได้ทั้ง ขนคิ้ว ไรผม จอนและหนวด หรือในบริเวณที่เส้นผมหรือขนขาดร่วงง่ายเป็นเนื้อเซรั่มที่เข้มข้นไม่ระเหยง่ายหลังการทาจึงสามารถบำรุงเข้าสู่รากผมได้อย่างดีเยี่ยม

เซรั่มปรับสภาพผิว สไบนาง

เซรั่มปรับสภาพผิว  สไบนาง

รายละเอียด:

เซรั่มปรับสภาพผิวจากสารสกัดพฤกษาสมุนไพร 3 ชนิดและวิตามินซีเข้มข้นช่วยปรับสภาพผิวให้เรียบเนียน ผิวดูกระจ่างใสขึ้น ควบคุมความมัน ลดโอกาศการเกิดสิวพร้อมสารสกัดจากเห็ด กระชับรูขุมขน ทำให้ฝ้าและรอยแผลจากสิวดูจางลง

รีวิว ครีมหน้าใส สไบนาง

 สไบนางเพื่อผิวขาวใส ลดฝ้า จุดด่างดำ

รายละเอียด:

ผลิตภัณฑ์เพื่อผิวกระจ่างใส ที่อุดมด้วยคุณค่าสมุนไพรธรรมชาติ อาทิ โสม, แตงกวา, ใบหม่อน ล้ำค่าด้วยคุณประโยชน์ต่อการ ปรนนิบัติผิว พร้อมผสานนวัตกรรม Nano-vitamin C เพื่อลดเลือนฝ้า กระ จุดด่างดำ ความหมองคล้ำ ให้ผิวเนียนนุ่ม เปล่งประกาย สดใสขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ สูตรเฉพาะดั้งเดิม ใช้บำรุงได้ทั้ง กลางวัน - กลางคืน

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รีวิว แชมพูสมุนไพรมะพร้าว

แชมพูสมุนไพรมะพร้าว

สาระความรู้เกี่ยวกับน้ำมันมะพร้าว

วิธีใช้น้ำมันมะพร้าวดูแลเส้นผมรากผมและหนังศีรษะ

น้ำมันมะพร้าวช่วยให้ผมเป็นเงางามแข็งแรง บางคนกล่าวว่าช่วยให้ผมไม่หงอกก่อนวัยและช่วยให้ผมไม่ร่วงป้องกันศีรษะล้าน ยังดีต่อหนังศีรษะและช่วยควบคุมรังแค วิธีใช้น้ำมันมะพร้าวดูแลเส้นผมรากผมและหนังศีรษะ ชโลมให้ทั่วหนังศีรษะ ด้วยปริมาณที่เหมาะสมประมาณหนึ่งถึงสองช้อนชา นวดหนังศีรษะจนน้ำมันแทรกซึมทั่วหนังศีรษะและเส้นผมแต่อย่าใช้มากจนเปียกเกินไป หลังจากนั้น ทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที (ยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไรยิ่งดี) เพื่อให้น้ำมันแทรกซึมสู่หนังศีรษะจึงค่อยสระออก คุณอาจใช้ใส่ผมตั้งแต่ตื่นนอน และทิ้งไว้จนกระทั่งอาบน้ำตอนเช้าจึงสระออก หรือคุณอาจใช้ใส่ผมในตอนกลางคืนก่อนนอน โดยใช้หมวกอาบน้ำคลุมผมไว้ แล้วค่อยสระออกเมื่ออาบน้ำตอนเช้าก็ได้ คุณจะประหลาดใจที่ผมของคุณดูสวยเป็นเงางามและมีรังแคลดน้อยลง

ผมสวย

เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันพืชที่มีคุณสมบัติเป็นตัวเพิ่มความชุ่มชื้น (Moisturizer) อีกทั้งยังมีสารปฏิชีวนะ (จากโมโนลอริน) และสาร antioxidant (จากสารโทโคทรินอลในวิตามินอี) ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้เป็นตัวช่วยในการบำรุงเส้นผมให้เงางามอีกด้วยและเป็นครีมนวดผมจากธรรมชาติ ที่ช่วยทำให้ผมนุ่มดำเป็นเงางาม

เพราะมีวิตามินอีที่ช่วยเสริมการเจริญของเส้นผม ช่วยรักษาสุขภาพของหนังศีรษะ ได้เป็นอย่างดี เพราะน้ำมันมะพร้าวมีสารปฏิชีวนะที่คอยทำลายเชื้อโรค หนังศีรษะจึงไม่มีรังแค และมีวิตามินอีที่ต่อต้านอนุมูลอิสระ หนังศีรษะจึงไม่เหี่ยวย่น ช่วยให้เส้นผมมีสุขภาพดี เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติยึดเกาะ (affinity) กับโปรตีนของเส้นผมได้ดี

อีกทั้งยังมีขนาดเล็กจึงแทรกซึมเข้าไปในเส้นผมได้สะดวก การใช้น้ำมันมะพร้าวในการบำรุงเส้นผม จะทำให้เส้นผมไม่ฉีกขาด มีความยืดหยุ่น แม้แต่เส้นผมที่ถูกทำร้าย จากการดัดผม การย้อมผมด้วยน้ำยาเคมี หรือการหวีผมที่ใช้หวีที่คม คุณสมบัติยึดเกาะ (affinity) ของน้ำมันมะพร้าวช่วยลดปริมาณการสูญเสียของเส้นผม เหล่านี้ได้เป็นอย่างดี


การรับประทานน้ำมันมะพร้าว และใช้น้ำมันมะพร้าวด้านต่าง ๆ
- สำหรับผู้ใหญ่รับประทานวันละ 1-4 ช้อนโต๊ะ , สำหรับเด็กลดอัตราส่วนตามน้ำหนักตัว
- ใช้ปรุงอาหารแทนน้ำมันพืชชนิดอื่น ๆ ได้ทันที
- ใช้แทนเนยเทียม สำหรับปรุงอาหาร ,ทาขนมปัง
- ผสมลงในเครื่องดื่มต่าง ๆ เพื่อให้การรับประทานน้ำมันง่ายขึ้น
- ผสมกับข้าวสวยที่หุงเสร็จ หรืออาหารอื่น ๆ
- ให้ภายนอกตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้า หมักผม,เช็ดเครื่องสำอางค์,ทาผิว,นวดผิว
- ใช้หยดลงน้ำเพื่ออาบน้ำทารกเพื่อสร้างความชุ่มชื้นผิว
- ใช้กลั้วกลอกภายในปากเพื่อดูดสารพิษ (Oil Pulling Therapy)
- ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอางค์ เพื่อเพิ่มวิตามินอี
- ใช้หล่อลื่นและเคลือบงานโลหะ ในงานเอนกประสงค์ต่างๆ
- ใช้เป็นสารหล่อลื่นทางเพศ
- ใช้เป็นส่วนผสมของยาสมุนไพรไทย

............................................................................................
 ............................................................................................

น้ำมันมะพร้าวกับการรักษาผมร่วง

หลายคนสงสัยว่าน้ำมันมะพร้าวนั้น สามารถรักษาอาการ ผมร่วง หรือ ผมบาง ได้หรือไม่ ยังไม่มีหลักฐานทางวิชาการ หรือการทดลองที่ทำชัดเจนว่าน้ำมันมะพร้าว หรือกะทิสามารถรักษาผมร่วงได้จริงหรือไม่ แต่มีการปฏิบัติกันมาตั้งแต่ในอดีตเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านว่า กะทิสามารถนำมาใช้ในการบำรุงผม บำรุงหนังศีรษะ ทำให้ผมเป็นประกายเงางาม ทำให้ผมแข็งแรง นอกจากนี้ยังช่วยลดผมร่วง และกระตุ้นการเจริญของผมใหม่ได้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากว่าการสระผมทั่วๆ ไป อาจทำให้โปรตีนที่เคลือบอยู่บนเส้นผมตามธรรมชาติหลุดออกไปในระหว่างที่สระผม ซึ่งส่วนประกอบหลักของเส้นผมคือ โปรตีนที่เรียกว่าเคอราติน (Keratins)

กะทิ ที่เคลือบเส้นผมสามารถทำให้โปรตีนเกิดการสูญเสีย ออกไปน้อยที่สุด อาจเนื่องจากว่าโปรตีนในน้ำมันมะพร้าวมีความใกล้เคียงกับโปรตีนของเส้นผม และในน้ำมันมะพร้าวมีส่วนประกอบเป็นไขมันสายกลาง (medium chain triglycerides ; MCT ) : ซึ่ง MCT นี้ สามารถผ่านเข้าออกอย่างอิสระที่ผนังเซลล์ และการที่มีน้ำหนักโมเลกุลน้อยนี้ทำให้สามารถผ่านเข้าออกจากเส้นผมได้อย่างง่ายดาย จึงมีประสิทธิภาพในการบำรุงเส้นผมได้ดี อีกทั้งสารเคลือบผมตามธรรมชาติที่เรียกว่า ซีบัม (sebum) ซึ่งคอยปกป้องเส้นผมและหนังศีรษะไม่ให้แห้ง แตกง่ายยังมีส่วนผสมเป็น MCT ซึ่งคล้ายกับที่มีในมะพร้าวด้วย กะทิ ยังช่วยในการดูดซึมวิตามินอี ซึ่งช่วยในเรื่องของการไหลเวียนโลหิต

นำพาสารอาหารและออกซิเจนไปเลี้ยงบริเวณหนังศีรษะและรากผมได้ดีขึ้นอีกด้วย นอกจากนี้กะทิจะมีน้ำมันดังกล่าวแล้ว ยังประกอบไปด้วยเอนไซม์ที่จำเป็นที่มีส่วนช่วยในการหยุดผมร่วง และลดผมหงอกก่อนวัยได้ นอกจากนี้ในกะทิยังมีสารฟาโวนอยท์ (flavonoids) วิตามินอี และ ดี ซึ่งจำเป็นต่อการเจริญของเส้นผมด้วย มะพร้าวเป็นสารจากธรรมชาติ ซึ่งไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้ ไม่มีพิษ ไม่เป็นสารเคมี จึงไม่เป็นอันตรายหากจะใช้กับเส้นผมหรือหนังศีรษะ วิธีการใช้มะพร้าวในการบำรุงหนังศีรษะ ลดผมร่วง มีได้หลายตำรา ยกตัวอย่างเช่น

1. การใช้กะทิ ควรใช้มะพร้าวแก่ ขูดมะพร้าว มาคั้นกะทิสด ๆ ใช้กะทิประมาณ 1 – 2 แก้ว ขึ้นอยู่กับความยาวของเส้นผม ชะโลมกะทิลงบนศีรษะและเส้นผม ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 2 ชั่วโมง แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า (ยังไม่ต้องสระผมด้วยแชมพู) วิธีนี้จะทำให้น้ำมันมะพร้าวเคลือบอยู่บนเส้นผมได้นาน ทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมงหรือ 1 วัน แล้วค่อยสระผมด้วยแชมพูอีกครั้งในวันถัดไป วิธีนี้จะทำให้เส้นผมนิ่ม เรียบลื่นขึ้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ และจะเริ่มสังเกตได้ว่าผมร่วงลดลง ควรทำวิธีนี้อาทิตย์ละครั้ง แม้ว่าผมร่วงจะดีขึ้นแล้วก็ควรทำต่อเนื่องอย่างน้อย 2 – 3 อาทิตย์ต่อครั้ง วิธีนี้ไม่เฉพาะลดผมร่วงได้เท่านั้น แต่ยังทำให้เส้นผมมีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย ผมร่วงจะเริ่มสังเกตเห็นว่าลดลงเมื่อทำไปประมาณ 2 สัปดาห์ และได้ผลดีเมื่อทำไปแล้ว ประมาณ 2 เดือน อาจเพิ่มประสิทธิภาพโดยการใช้กะทิที่อุ่น ๆ

2. อาจใช้น้ำมันมะพร้าวที่สกัดแล้ว ควรเลือกน้ำมันมะพร้าวที่ใช้วิธีสกัดเย็น เนื่องจากไม่มีการสูญเสียวิตามินธรรมชาติที่มีอยู่ในมะพร้าวไปกับความร้อนในขั้นตอนการสกัด ชะโลมที่บริเวณหนังศีรษะ และเส้นผมแล้วนวด สัปดาห์ละ 2 ครั้ง อาจทิ้งไว้ข้ามคืนแล้วล้างออกตอนเช้า การใช้นิ้วมือนวดหนังศีรษะจะช่วยกระตุ้นเส้นเลือดที่มาเลี้ยงหนังศีรษะได้ด้วย

ประโยชน์ของใบบัวบก

ประโยชน์ของใบบัวบก

  1.     บัวบกบัวบก เป็นพืชที่มีแคลเซียมในระดับปานกลางถึงสูง แต่มีระดับสารออกซาเลตที่เป็นอันตรายต่อร่างกายในปริมาณต่ำ
  2.     ใบบัวบก ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ ย้อนอายุและวัย
  3.     สรรพคุณใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
  4.     ช่วยเสริมสร้างและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน
  5.     มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยต่อต้านการเสื่อมของเซลล์ต่างๆในร่างกาย
  6.     ประโยชน์ของใบบัวบก ช่วยบำรุงและรักษาสายตา ฟื้นฟูรอบดวงตา เพราะบัวบกมีวิตามินเอสูง
  7.     ช่วยรักษาอาการตาอักเสบบวมแดง ด้วยการใช้ใบบัวบกล้างน้ำสะอาด คั้นเอาแต่น้ำนำมาหยดที่ตา 3-4 ครั้งต่อวัน
  8.     ช่วยบำรุงประสาทและสมองเหมือน ใบแปะก๊วย
  9.     ช่วยทำให้ความจำดีขึ้น และทำให้มีปฏิภาณไหวพริบเพิ่มมากขึ้น
  10.     ช่วยเพิ่มความจำในผู้สูงอายุ
  11.     เชื่อว่าใบบัวบกมีส่วนช่วยเพิ่มไอคิว ความฉลาด และความสามารถในการเรียนรู้
  12.     ใบบัวบก สรรพคุณช่วยชะลออาการของโรคสมองเสื่อมในผู้สูงอายุ สตรีวัยทอง หรือโรคอัลไซเมอร์ หรืออาการหลงลืมระยะสั้นได้
  13.     ช่วยเพิ่มสมาธิ แก้สมาธิสั้น
  14.     ช่วยเพิ่มความสามารถในการจัดสินใจเฉพาะหน้า
  15.     ช่วยแก้อาการปวดศีรษะ ปวดศีรษะข้างเดียว
  16.     ช่วยแก้อาการวิงเวียนศีรษะ
  17.     ช่วยผ่อนคลายความเครียด
  18.     ช่วยเสริมการทำงานของ กาบา (GABA) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ช่วยรักษาสมดุลของจิตใจ จึงช่วยผ่อนคลายและทำให้หลับง่ายขึ้น
  19.     ช่วยทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น
  20.     ประโยชน์ของใบบัวบกช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่
  21.     ประโยชน์ใบบัวบก ใช้เป็นบำรุงกำลัง บำรุงร่างกาย
  22.     ช่วยบำรุงโลหิตในร่างกาย
  23.     ช่วยบำรุงหัวใจ
  24.     ช่วยฟื้นฟูสุขภาพจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ
  25.     ช่วยทำให้จิตใจสดชื่น อารมณ์แจ่มใส
  26.     ช่วยทำให้หน้าตาสดใส เหมือนเป็นวัยรุ่น
  27.     ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ
  28.     ช่วยบำรุงเสียง
  29.     ช่วยรักษาอาการเจ็บคอ ด้วยการใช้บัวบกสดประมาณ 1 กำมือ นำมาตำคั้นเอาน้ำแล้วเติมน้ำส้มสายชู 1-3 ช้อนแกง แล้วจิบกินบ่อยๆ
  30.     ช่วยแก้กระหายน้ำ
  31.     สรรพคุณใบบัวบก ช่วยแก้อาการร้อนใน ตัวร้อน
  32.     ใบบัวบกมีสารยับยั้งหรือชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง ช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง
  33.     ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดี
  34.     ช่วยรักษาโรคดีซ่านจากภาวะร้อนชื้น ด้วยการใช้บัวบก 30 กรัม น้ำตาลทรายกรวด 30 กรัม ต้มน้ำดื่ม
  35.     ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง
  36.     ช่วยรักษาอาหารหืด
  37.     ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้ต้นสด 1 กำมือต้มกับน้ำแล้วนำมาดื่ม หรือจะใช้บัวบกสดๆทั้งต้นประมาณ 30 กรัมนำมาค้นเอาน้ำ เติมน้ำตาลเล็กน้อยแล้วดื่มกินประมาณ 5-7 วัน
  38.     ช่วยรักษาโรคลมชัก
  39.     ช่วยรักษาโรคหลอดลมอักเสบ
  40.     ช่วยรักษาอาการเต้านมอักเสบเป็นหนองในระยะแรก ด้วยการใช้บัวบกและเปลือกของลูกหมาก 1 ผล นำมาต้มกับเหล้าดื่ม
  41.     ช่วยแก้คนเป็นบ้า
  42.     ช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวกับเลือด
  43.     สรรพคุณของบัวบก ช่วยลดความดันเลือด เพิ่มความยืดหยุ่นให้หลอดเลือด และช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด
  44.     ช่วยรักษาโรคที่มีสมุฏฐานจากเสมหะ
  45.     ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย เมื่อยล้า
  46.     ช่วยแก้ไข้
  47.     ช่วยห้ามเลือดกำเดา เพราะทำให้เลือดเดินแต่เลือดจะไม่ออกจากเส้นเลือดและยังทำให้เลือดเย็นอีกด้วย
  48.     ช่วยแก้อาการช้ำใน บาดเจ็บจากการกระทบกระแทก
  49.     เป็นพืชที่ย่อยได้ง่าย
  50.     ช่วยทำให้เจริญอาหาร รับประทานอาหารได้มากขึ้น
  51.     บัวบกสรรพคุณ ช่วยแก้อาการท้องเสีย
  52.     สารสกัดจากใบบัวบกมีฤทธิ์ป้องกันและยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เป็นอย่างดี
  53.     ประโยชน์ของใบบัวบกช่วยแก้อาการเริ่มที่จะเป็นบิด
  54.     ช่วยรักษาโรคบิด หรือมีมูกเลือดปนเมื่อขับถ่าย
  55.     ช่วยรักษากระเพาะอาหารเป็นแผล
  56.     ใช้เป็นยาระบาย ช่วยระบายท้อง แก้ลม
  57.     ใช้เป็นยาขับปัสสาวะ
  58.     แก้อาการปัสสาวะติดขัด ด้วยการใช้ใบบัวบกประมาณ 50 กรัม นำมาตำแล้วพอกบริเวณสะดือ เมื่อถ่ายปัสสาวะคล่องดีแล้วค่อยเอาออก
  59.     บัวบกสรรพคุณทางยา ช่วยขับความร้อนชื้นทางเดินปัสสาวะ ป้องกันการเกิดนิ่ว
  60.     ช่วยรักษาโรคนิ่วทางเดินปัสสาวะด้วยการใช้บัวบก 50 กรัมต้มกับน้ำชาข้าวครั้งที่ 2 แล้วนำมาดื่ม
  61.     ช่วยรักษาอาการมีหนองออกจากปัสสาวะ
  62.     ช่วยแก้อาการน้ำดีในร่างกายมากเกินไป
  63.     ช่วยรักษาโรคม้ามโต
  64.     ช่วยรักษาอาการติดเชื้อของไวรัสตับอักเสบ
  65.     แก้อาการปวดข้อรูมาตอยด์
  66.     ใช้เป็นยาห้ามเลือด ใส่แผลสด ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 20 ใบนำมาล้างให้สะอาด ตำพอกแผลสด
  67.     ช่วยรักษาแผลให้หายเร็วยิ่งขึ้น ช่วยเร่งการสร้างเนื้อเยื่อ
  68.     ช่วยแก้อาการฟกช้ำ ด้วยการใช้ใบบัวบกมาทุบให้แหลกแล้วนำมาโปะบริเวณที่ฟกช้ำ หรือจะใช้ใบบัวบกประมาณ 40 กรัม ต้มกับเหล้าแดงประมาณ 250 cc. ประมาณ 1 ชั่วโมงล้วนำมาดื่ม
  69.     ใช้บัวบกตำนำมาพอกรักษาความร้อนบวมของโรคไฟลามทุ่ง หรือจะใช้รักษาอาการด้วยการใช้เอาบัวบกที่คั้นเอาแต่น้ำ ผสมกับแป้งข้าวเหนียวทำเป็นแป้งเหลว พอกบริเวณที่เป็น
  70.     ช่วยรักษาพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย
  71.     ใบบัวบกสรรพคุณทางยา ช่วยรักษาโรคผิวหนังต่างๆ เช่น โรคเรื้อน โรคสะเก็ดเงิน หิด หัด เป็นต้น
  72.     ช่วยระงับการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดหนอง
  73.     สรรพคุณใบบัวบกช่วยลดอาการอักเสบของแผลเป็นอย่างดี และใช้ทารักษาแผลอักเสบจากการผ่าตัดได้อีกด้ว
  74.     ช่วยรักษาผิวหนังเป็นด่างขาว
  75.     ใช้เป็นยาถอนพิษ ช่วยลดอาการปวดแสบปวดร้อน จากแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ทั้งต้นสดของบัวบกประมาณ 3 ต้นนำมาล้างน้ำให้สะอาด ตำให้แหลกแล้วนำมาพอกแผลไฟไหม้
  76.     บัวบกมีการนำมาผลิตเป็นแคปซูลวางจำหน่าย มีสรรพคุณในการช่วยบำรุงสมองเป็นหลัก (Brain tonic)
  77.     ปัจจุบันมีการนำไปทำเป็นยาเป็นแผนปัจจุบันในรูปแบบผงใช้โรยแผล และในรูปแบบเม็ดรับประทานเพื่อรักษาแผลผ่าตัด แผลสดไฟไหม้น้ำร้อนลวก หรือฝีหนองได้ และยังช่วยป้องกันการเกิดแผลเป็นอีกด้วย
  78.     ช่วยแก้อาการ ก้างปลาติดคอ ด้วยการน้ำบัวบกไปต้มน้ำ แล้วค่อยๆ กลืนน้ำลงคอ
  79.     ใบและเถาบัวบกใช้รับประทานเป็นผักสดกับน้ำพริกกะปิคั่ว หมี่กรอบ ก๋วยเตี๋ยวผัดไทย ลาบ ก้อย แกงเผ็ด ยำใบบัวบก ซุบหน่อไม้ เป็นต้น
  80.     น้ำคั้นจากใบบัวบกนำมาทำเป็นน้ำมันบัวบกใช้ชโลมศีรษะ มีสรรพคุณช่วยบำรุงหนังศีรษะและเส้นผม ช่วยทำให้เส้นผมดกดำ แก้ปัญหาผมร่วง ผมหงอกก่อนวัย
  81.     น้ำใบบัวบก เป็นเครื่องดื่มที่เหมาะสำหรับหน้าร้อนเป็นอย่างมาก เพราะมีฤทธิ์เป็นยาเย็นดับร้อนในร่างกายได้สารพัด
  82.     สารสกัดจากใบบัวบก มีคุณสมบัติช่วยลดการระคายเคืองผิว และปลอดภัยกับร่างกาย
  83.     สารสกัดจากใบบัวบกมีการนำมาใช้เพื่อเป็นส่วนผสมในการผลิตเครื่องสำอาง
  84.     มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาใช้ทำเป็นวัสดุปิดแผล
  85.     ลบรอยตีนกาตื้นๆ ด้วยน้ำใบบัวบก ด้วยการนำบัวบกมาล้างน้ำให้สะอาด นำไปปั่นจนละเอียด แล้วนำน้ำที่ได้มาใช้สำลีชุบน้ำทาทั่วบริเวณหางตาหรือทั่วใบหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก โดยควรทาทุกวันก่อนนอน
  86.     มีการนำสารสกัดจากใบบัวบกมาผลิตเป็น สบู่ใบบัวบก ซึ่งผู้ผลิตอ้างว่าช่วยรักษาสิว ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส ผิวหน้าเต่งตึงได้

วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รีวิว ประโยชน์ของน้ำผึ้ง

น้ำผึ้ง (Honey) คือผลผลิตของน้ำหวานจากดอกไม้ และจากแหล่งอื่นๆ ที่ผึ้งงานนำมาเก็บสะสมไว้ โดยผ่านขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพและทางเคมีแล้วสะสมไว้ในรังผึ้ง ซึ่งปกติแล้วน้ำผึ้งจะมีกลิ่น รส สี ที่ต่างกันออกไปตามชนิดของพืชนั้นๆ จึงทำให้สามารถระบุชนิดของน้ำผึ้งตามชนิดของพืชนั้นได้ๆ เช่น น้ำผึ้งจากดอกส้ม ดอกลำไย ดอกลิ้นจี่ ก็จะแตกต่างกันออกไปซึ่งนิยมนำมาใช้เป็นสารให้ความหวานในอาหารหรือเครื่องดื่มนานาชนิด

ประโยชน์ของน้ำผึ้ง นั้นหลากหลายเพราะน้ำผึ้งมีส่วนผสมของน้ำตาลและสารประกอบอื่นๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฟรุกโทสกับกลูโคส และมีวิตามินและแร่ธาตุผสมอยู่ด้วย เช่น วิตามินเอ วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินบี5 วิตามินบี6 กรดโฟลิก วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุแมกนีเซียม ธาตุโซเดียม ธาตุโพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก ธาตุทองแดง ธาตุสังกะสี เป็นต้น สำหรับสารประกอบอื่นๆที่มีอยู่ในปริมาณเพียงน้อยนิดนั้นจะเป็นสารที่ทำหน้าที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นหลัก
ประโยชน์น้ำผึ้ง

  1.     ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้แก่ร่างกาย
  2.     มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัย
  3.     ช่วยลดและป้องกันการเกิดริ้วรอยแห่งวัย
  4.     ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส ดูมีน้ำมีนวลเป็นธรรมชาติ
  5.     พอกหน้าด้วยน้ำผึ้งช่วยบำรุงผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์ ชุ่มชื่นและนุ่มนวล หลังล้างหน้าเสร็จให้นำกล้วยหอมครึ่งลูก นำมาบดผสมรวมกับน้ำผึ้งแล้วยำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
  6.     ช่วยบำรุงรักษาผิวหน้าที่แห้งแตกลอกเป็นขุย ด้วยการนำไข่แดง 1 ฟองผสมกับน้ำผึ้งผสม 1 ช้อน คนให้เข้ากันแล้วนำมาพอกหน้าทิ้งไว้ 10 นาทีแล้วล้างออก
  7.     ช่วยบำรุงสมอง ช่วยในเรื่องของความจำ
  8.     ช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV และช่วยเสริมสร้างเซลล์ผิวหนัง
  9.     ช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่มสวยเงางาม หลังสระผมเสร็จให้นำน้ำผึ้งผสมกับน้ำมะกอกอย่างละ 3 ช้อนโต๊ะ นำมาชโลมให้ทั่วศีรษะทิ้งไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออก
  10.     ช่วยบำรุงเสียงให้ใส ลดอาการเจ็บคอ
  11.     ช่วยลดสิวเสี้ยน สิวอุดตันบนใบหน้า หลังล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเสร็จแล้ว ให้นำกล้วยหอมครึ่งลูก นำมาบดผสมรวมกับน้ำผึ้งแล้วยำมาทาหน้าทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีแล้วล้างออก
  12.     นิยมนำมาใช้ผสมในเครื่องต่างๆ เช่น นม ชา กาแฟ โยเกิร์ต น้ำมะนาว หรือแม้กระทั่งเบียร์หรือไวน์
  13.     นำมาใช้เป็นส่วนผสมในขนมหวานต่างๆ หรือผลิตภัณฑ์ธัญญพืชต่างๆ
  14.     ใช้น้ำผึ้งแทนสารกันบูดในน้ำสลัด ซึ่งจะทำให้น้ำสลัดไม่เสียและเก็บได้นานถึง 9 เดือน
  15.     น้ำผึ้งสามารถนำแปรรูปทำผลิตภัณฑ์ต่างๆได้อย่างหลากหลายเช่น มาส์กหน้า สบู่ เจลล้างหน้า สครับ เป็นต้น
  16.     น้ำผึ้งเป็นยาอายุวัฒนะ
  17.     ช่วยให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงต้านทานโรคต่างๆได้ดี
  18.     ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตในวัยเด็ก
  19.     ช่วยเพิ่มพลังงานให้แก่ร่างกาย
  20.     ช่วยผ่อนคลายความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากการทำงานหรือเล่นกีฬา
  21.     ช่วยเสริมสร้างสุขภาพของผู้ป่วยในระยะพักฟื้น หรือผู้สูงอายุ
  22.     ช่วยบรรเทาอาการของโรคต่างๆให้ดีขึ้น
  23.     ช่วยในควบคุมน้ำหนักและลดความอ้วน
  24.     ช่วยบำรุงเลือดในร่างกาย ด้วยการใช้น้ำผึ้งครึ่งช้อนโต๊ะใส่แก้ว แล้วบีบมะนาว ๅ ซีก ใส่เกลือเล็กน้อย แล้วเติมน้ำร้อนดื่ม
  25.     ช่วยรักษาอาการหวัดให้หายเร็วขึ้น
  26.     น้ำผึ้งสามารถบรรเทาอาการไอจากหวัดในเด็กได้ดีกว่ายาแก้ไอ
  27.     ช่วยรักษาอาการเมาค้าง
  28.     ช่วยปรับสมดุลในร่างกายให้คงที่
  29.     น้ำผึ้งมีฤทธิ์ยาระงับประสาทอ่อนๆ จึงช่วยลดอาการหงุดหงิด ความกังวลได้
  30.     ช่วยแก้อาการนอนไม่หลับ และช่วยทำให้หลับสบายยิ่งขึ้น
  31.     ช่วยรักษาโรคความดันโลหิตสูง ด้วยการใช้น้ำผึ้งและงาดำอย่างละ 50 กรัม โดยนำงาดำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำผึ้ง ชงกับน้ำร้อนดื่ม
  32.     ช่วยรักษาโรคเบาหวาน ด้วยการใช้สาลี่หอมจำนวน 5 ลูก น้ำผึ้ง 250 กรัม โดยปอกลูกสาลี่แล้วนำมาตำให้ละเอียด นำไปคลุกกับน้ำผึ้งแล้วต้มจนเหนียว แล้วนำมาผสมกับน้ำกิน
  33.     ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง เพราะน้ำผึ้งมีส่วนผสมของธาตุเหล็กซึ่งช่วยในการเพิ่มเม็ดเลือดแดง
  34.     ช่วยบำรุงหัวใจ ขับชีพจร และป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ
  35.     ช่วยบำรุงและรักษาโรคตับ
  36.     ช่วยระงับความร้อนในร่างกาย
  37.     ช่วยรักษาอาการตาอักเสบจากการติดเชื้อ เช่น กระจกตาอักเสบ เยื่อตาอักเสบ เป็นต้น
  38.     ช่วยบรรเทาอาการไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ ด้วยการชงดื่มกับน้ำมะนาว
  39.     น้ำผึ้งช่วยลดกรดในกระเพาะ ช่วยในการย่อยอาหาร เพราะน้ำผึ้งจะถูกดูดซึมทันทีเมื่อถึงลำไส้ ซึ่งต่างจากน้ำตาลชนิดอื่น
  40.     ช่วยรักษาโรคกระเพาะ
  41.     ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ หรือท้องเสียอย่างรุนแรง
  42.     ช่วยแก้อาการท้องเดิน และช่วยบำรุงลำไส้ที่อักเสบให้ฟื้นตัวเร็วขึ้น
  43.     ช่วยแก้ปัญหาช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแคนดิดา (Candida) ได้ดีพอๆกับยาฆ่าเชื้อแผนปัจจุบัน
  44.     ช่วยแก้อาการเด็กปัสสาวะรดที่นอนเป็นประจำ เพราะช่วยดูดความชื้นและช่วยอุ้มน้ำไว้
  45.     ช่วยบรรเทาอาการของโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการนำกระเทียมผสมกับน้ำผึ้ง รับประทานวันละ 3 ครั้ง
  46.     ช่วยป้องกันการเกิดโรคข้ออักเสบ ด้วยการใช้น้ำส้มนำมาผสมกับแอปเปิ้ลไซเดอร์ 2 ช้อนชาลงในน้ำร้อน แล้วเติมน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ชงดื่มวันละสองครั้ง
  47.     ช่วยแก้อาการตะคริว หรือป้องกันการเป็นตะคริว
  48.     ช่วยแก้อาการท้องผูก ด้วยการรับประทานกล้วยน้ำว้าสุกจิ้มกับน้ำผึ้ง ช่วยลดอาการท้องผูกลงได้
  49.     ช่วยลดการอักเสบของบาดแผล
  50.     ช่วยป้องกันการติดเชื้อของบาดแผลและช่วยให้แผลหายเร็ว
  51.     ช่วยรักษาโรคฮ่องกงฟุต และกลาก เกลื้อน
  52.     ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและต่อต้านจุลินทรีย์
  53.     ช่วยแก้ปัญหาเด็กแหวะนม โดยใช้น้ำผึ้งผสมกับนมดื่ม
  54.     ใช้เป็นน้ำกระสายยา

น้ําผึ้งแท้ดูยังไง

การเลือกน้ำผึ้งแท้มารับประทานนั้นในปัจจุบันเป็นเรื่องยากมากที่จะตรวจสอบว่าน้ำผึ้งที่คุณซื้อมานั้นมันจะเป็นน้ำผึ้ง 100% หรือเปล่า เพราะในผู้ผลิตบางรายนั้นอาจจะใส่สารปลอมแปลงลง ไปผสมในน้ำผึ้งเพื่อให้เจือจาง นอกจากจะตรวจสอบในห้องปฏิบัติการเท่านั้นซึ่งแน่นอนว่ามันก็มีราคาแพงมากและเป็นเรื่องที่ยุ่งยากนั่นเอง แต่สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการซื้อมาจากเจ้าที่เราไว้ใจได้จริงๆ หรือไม่เราก็ควรประเมินด้วยสาตาเปล่าๆของเรานี้แหละ มาดูวิธีการเลือกน้ำผึ้งกัน

  •     ให้ดูที่ความเข้มข้นและความหนืดเป็นหลัก เพื่อให้มั่นใจว่าในน้ำผึ้งนั้นไม่มีน้ำผสมอยู่
  •     ดูจากสี สีต้องเป็นธรรมชาติ คือสีเหลืองอ่อนถึงน้ำตาลใส และไม่ขุ่นทึบ
  •     ต้องมีกลิ่นหอมตามชิดของดอกไม้นั้นๆ เช่น น้ำผึ้งจากดอกลิ้นจี่ น้ำผึ้งจากดอกลำไย
  •     ต้องสะอาด ไม่มีกาก ไขผึ้ง หรือมีเศษของตัวผึ้งปะปนอยู่ รวมไปถึงวัสดุแขวนลอยต่างๆ
  •     น้ำผึ้งต้องไม่แยกชั้นและต้องเป็นเนื้อเดียวกัน
  •     ต้องไม่มีการใส่สารปรุงแต่งรส กลิ่น หรือสี ลงในน้ำผึ้ง
  •     ต้องไม่มีกลิ่นเปรี้ยว กลิ่นบูด และต้องไม่มีฟอง
  •     น้ำผึ้งแท้เมื่อนำมาหยดใส่กระดาษไข ถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้จะไม่ซึมอย่างแน่นอน
  •     ในบางครั้งน้ำผึ้งที่นำมาขายนั้นอาจจะได้มาจากน้ำหวานของเกสรดอกไม้ที่เป็นพิษ เช่น น้ำหวานจากดอกไม้ต้นตาตุ่มทะเล ดังนั้นก่อนซื้อควรสอบถามให้แน่ใจเสียก่อนถึงที่มาของน้ำผึ้ง
  •     ข้อสุดท้ายทดสอบโดนการหยดน้ำผึ้งลงในแก้วน้ำชา แล้วสังเกตการละลายถ้าเป็นน้ำผึ้งแท้เมื่อคนเข้ากันแล้วน้ำผึ้งจะไม่ละลายทันที

ผู้ที่ไม่ควรรับประทานน้ำผึ้ง

น้ำผึ้งนั้นตามหลักแล้วแม้จะมีประโยชน์มากมายก็จริง แต่สำหรับบางคนนั้น ก็ไม่ควรที่จะรับประทานน้ำผึ้งแบบสดๆโดยที่ไม่ผสมอะไรเลย เช่น

  •     ผู้ที่มีอาการแพ้น้ำผึ้งหรือเกสรน้ำผึ้ง
  •     มีคำแนะนำว่าไม่ควรให้เด็กอายุต่ำกว่า 1 ขวบรับประทานน้ำผึ้ง
  •     ผู้ที่น้ำเหลืองเสีย มีตุ่มหนอง มีฝีพุพอง หรือโรคครุฑราชต่าง หรือผู้ที่มีอาการเสมหะพิการ(เสมหะมากและมีภาวะโรคปอดแทรก)
  •     และสุดสุดท้ายคือ คนที่ดีพิการ(มีอาการตัวเหลืองตาเหลือง)

แหล่งอ้างอิง : วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี (EN), USDA National Nutrient Database

เรียบเรียงข้อมูลโดย ฟรินน์.คอม

รีวิว ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว

1....ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว

- น้ำมันมะพร้าวช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

หากร่างกายขาดแคลเซี่ยมและแม็กเนเซี่ยม จะทำให้กระดูกไม่แข็งแรง เกิดอาการกระดูกเปราะ แตกหักง่าย การรับประทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำช่วยให้ร่างกายสามารถดูดซับแคลเซี่ยมและแม็กเนเซี่ยม จึงเป็นหนทางหนึ่งที่ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง


- น้ำมันมะพร้าวเป็นประโยชน์กับทารกและตัวอ่อนในครรภ์

เพราะน้ำมันมะพร้าวทำให้ร่างกายดูดซับสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย หากผู้ที่กำลังจะเป็นคุณแม่รับประทานอาหารที่ประกอบด้วยน้ำมันมะพร้าว ทารกจะได้รับสารอาหารที่จำเป็นอย่างพอเพียง นอกจากนั้นในน้ำมันมะพร้าวยังประกอบด้วยกรดลอริค

ซึ่งเป็นกรดไขมันที่พบได้ในน้ำนมแม่ การรับประทานน้ำมันมะพร้าวจึงเป็นการกระตุ้นให้น้ำนมแม่อุดมไปด้วยสารอาหาร และกรดลอริคนี่เองที่มีอำนาจในการฆ่าเชื้อโรค ทำให้ทารกแข็งแรงมีภูมิคุ้มกัน


- น้ำมันมะพร้าวมีประโยชน์กับผู้มีปัญหาเรื่องตับ

จากที่กล่าวแล้วว่าคนเราจำเป็นต้องรับประทานไขมัน แต่น้ำมันส่วนมากเป็นกรดไขมันสายยาวจึงย่อยยาก ต้องอาศัยน้ำดีและเอนไซม์จากตับเป็นตัวช่วยย่อย กระบวนการการย่อยไขมันจะเกิดที่ลำไส้ ผู้ที่เป็นเบาหวานตับอ่อนบกพร่อง หรือผู้ที่เคยผ่าตัดเอาถุงน้ำดีออกจะรู้กันดีว่ามีปัญหาเรื่องย่อยไขมัน สำหรับน้ำมันมะพร้าวเป็นไขมันสายปานกลาง ย่อยง่ายสามารถย่อยได้แม้ในกระเพาะอาหาร น้ำมันมะพร้าวจึงมีประโยชน์มากกับผู้มีปัญหาเรื่องตับ


- น้ำมันมะพร้าวถูกใช้เป็นอาหารเสริมกำลังแก่นักกีฬา

ด้วยความที่ย่อยง่าย ร่างกายสามารถนำไปใช้สร้างเป็นพลังงานได้เร็ว น้ำมันมะพร้าวจึงถูกนำไปทำเป็นอาหารบำรุงกำลังแก่นักกีฬาทั้งแบบชงดื่มและแบบแท่ง ทั้งนี้ไม่เป็นการผิดกฏ เนื่องจากการใช้น้ำมันมะพร้าวช่วยเพิ่มพลังงานไม่มีผลตกค้างและผลข้างเคียงแบบการใช้ยาหรือการใช้สารกระตุ้น


- น้ำมันมะพร้าวกับการทำงานของต่อมไทรอยด์

บางขณะการทำงานของต่อมไทรอยด์ติดอยู่ในอัตราที่ต่ำเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในนามของปัญหาไทรอยด์ต่ำ การรับประทานน้ำมันมะพร้าวจะช่วยบู๊สท์พลังงานให้กับต่อมไทรอยด์ เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวให้พลังงานสูง ดูดซับเร็ว จึงสามารถกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์กลับมาทำงานในอัตราปรกติได้


- น้ำมันมะพร้าวช่วยปกป้องคุ้มครองไต

โรคไตเป็นสภาวะแทรกซ้อนของเบาหวาน ไตวายเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เสียชีวิตของโรคเบาหวาน เมื่อระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้รับการควบคุมเป็นเวลานานปัญหาการไหลเวียนจึงเกิดขึ้น สร้างความเสียหายให้กับเส้นเลือดเล็กๆที่ไต มีหลักฐานว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยป้องกันไตจากความเสียหาย และช่วยให้กลับมาทำงานได้อย่างถูกต้อง

ตัวอย่างจากงานศึกษาชิ้นหนึ่ง สภาวะไตวายถูกทำให้มีขึ้นในสัตว์ทดลอง กลุ่มที่ได้รับน้ำมันมะพร้าวมีความเสียหายร้ายแรงเกิดขึ้นกับไตน้อยกว่า และมีอายุอยู่ได้นานกว่า นักวิจัยสรุปว่าน้ำมันมะพร้าวมีผลในการช่วยป้องกันไต ถ้าความเสียหายไม่รุนแรงจนเกินไป น้ำมันมะพร้าวสามารถช่วยให้อาการดีขึ้นได้ แต่ถ้าความเสียหายเกิดขึ้นอย่างถาวร น้ำมันมะพร้าวจะช่วยไม่ให้อาการเลวร้ายลงกว่าเดิม


- น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อ

น้ำมันมะพร้าวเมื่อแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระจะมีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโรค การรับประทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำจะทำให้เชื้อโรคร้ายต่างๆในร่างกายของเราลดลง ทำให้ไม่ค่อยเจ็บไข้ได้ป่วย การฆ่าเชื้อของน้ำมันมะพร้าวไม่เหมือนกับการฆ่าเชื้อด้วยยาปฎิชีวนะ จึงไม่ทำให้เชื้อเกิดการดื้อยา นอกจากนี้น้ำมันมะพร้าวยังช่วยขับถ่ายพยาธิอีกด้วย


- น้ำมันมะพร้าวกับปัญหาเชื้อรา

เชื้อราในที่นี้มีชื่อว่าเชื้อราแคนดิดา คุณผู้หญิงจะรู้จักมันในรูปแบบของเชื้อราในช่องคลอด บรรดาคุณพ่อคุณแม่จะรู้จักมันในรูปแบบของเชื้อราที่เกิดตามปากและช่องคอของเด็กอ่อน หรือเชื้อราตามผิวหนังที่เกิดภายใต้ความอับชื้นของผ้าอ้อม ปกติเชื้อราแคนดิดาอาศัยอยู่ในลำไส้ของมนุษย์อย่างไม่มีพิษภัย เนื่องจากถูกสารที่เกิดจากแบ็คทีเรียชนิดดีคอยควบคุมไว้ จึงมีจำนวนไม่มากนัก

แต่เมื่อเรารับประทานยาบางชนิดโดยเฉพาะ ยาปฏิชีวนะ จำพวกสเตียรอยด์ (คอร์ซิโตน, เอทีซีเอช, เพร็ดนิโซน, และยาคุมกำเนิด) ยาพวกนี้จะฆ่าแบ็คทีเรียในลำไส้ของเราไม่ว่าเป็นชนิดดีหรือชนิดร้าย แต่ไม่ฆ่าเชื้อราแคนดิดา

เมื่อไม่มีแบ็คทีเรียคอยควบคุม เชื้อราแคนดิดาจะทวีจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วและเปลี่ยนรูปแบบโครงสร้างของตัวเองเป็นราหลายเซลฝังตัวลงในลำไส้ ทำให้ลำไส้เป็นแผล เกิดโรคลำไส้อักเสบ น้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราพวกนี้ และสามารถคืนความสมดุลให้กับลำไส้เมื่อเรารับประทานเป็นประจำ


- น้ำมันมะพร้าวช่วยแก้ปัญหาการอักเสบเรื้อรัง

ท่านที่มีปัญหาไม่สบายเนื้อตัวโดยไม่ทราบสาเหตุ ผิวหนังมีอาการแพ้หรืออักเสบเรื้อรังเป็นรอยด่างดำ มีการอักเสบที่ระบบทางเดินอาหารทำให้ท้องเสียเรื้อรัง การรับประทานน้ำมันมะพร้าวทุกวันสามารถแก้ปัญหานี้ได้

เพราะน้ำมันมะพร้าวจะเข้าไปช่วยสร้างความสมดุลในระบบทางเดินอาหารเช่นในกระเพาะและลำไส้ ช่วยลดจำนวนของแบ็คทีเรียร้าย และทำให้แบ็คทีเรียชนิดดีเพิ่มปริมาณมากขึ้น


- น้ำมันมะพร้าวไม่ทำอันตรายแบ็คทีเรียชนิดดีในลำไส้

ในร่างกายของคนเรา ส่วนมากในลำไส้จะประกอบด้วยแบ็คทีเรียชนิดที่เป็นคุณและเป็นโทษกับร่างกาย แบ็คทีเรียชนิดดีจะคอยควบคุมของปริมาณของแบ็คทีเรียร้ายไม่ให้มีมากเกินไป การรับประทานยาบางชนิดจะไปฆ่าแบ็คทีเรียทั้งชนิดที่เป็นโทษและเป็นคุณกับร่างกาย

การรับประทานน้ำมันมะพร้าวจะไม่ฆ่าแบ็คทีเรียชนิดดี เพราะแบ็คทีเรียชนิดดีก็เช่นเดียวกับร่างกายหรือเซลล์ของร่างกาย ที่ชอบแต่อาหารที่ดีมีประโยชน์ ต่างกับแบ็คทีเรียร้ายที่ชอบอาหารพวกคาร์โบไฮเดรท


- น้ำมันมะพร้าวเป็นสารแอนตีออกซิแดนท์

การเสื่อมสภาพหรือการออกซิเดชั่นของไขมันนั้น เกิดขึ้นได้ทั้งภายนอกและภายในร่างกาย การเสื่อมสภาพของไขมันในร่างกายทำให้เกิดโรคร้ายต่างๆมากมาย เช่นทำให้เกิดโรคมะเร็ง เส้นเลือดอุดตันอันนำไปสู่การเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคหัวใจ

การเสื่อมของประสาทตาในโรคเบาหวานเป็นต้น เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวสามารถยับยั้งการเสื่อมสภาพของไขมัน ช่วยลดอนุมูลอิสระที่เกิดจากการเสื่อมสภาพของไขมันในร่างกาย น้ำมันมะพร้าวจึงเป็นสารแอนตีออกซิแดนท์


- น้ำมันมะพร้าวช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง โรคหัวใจ และเบาหวาน

ด้วยเหตุที่น้ำมันมะพร้าวช่วยลดอนุมูลอิสระ อันเกิดจากการเสื่อมสภาพหรือการออกซิเดชั่นภายในร่างกาย จึงช่วยลดการเสื่อมของหลอดเลือดหัวใจ ลดการเสื่อมของดวงตาในกรณีของโรคเบาหวาน และลดอนุมูลอิสระที่ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง น้ำมันมะพร้าวจึงทำให้ร่างกายแข็งแรง ไม่เจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆด้วยเหตุนี้

- น้ำมันมะพร้าวทำให้เหงือกแข็งแรง

ปัญหาโรคเหงือก เหงือกช้ำ บวม แดง หรือมีเลือดออกตามไรฟัน สามารถแก้ได้โดยการรับประทานน้ำมันมะพร้าวเป็นประจำ เพราะน้ำมันมะพร้าวทำให้ร่างกายแข็งแรง ทำให้เหงือกแข็งแรง (อาการเกี่ยวกับเหงือกอาจเป็นอาการแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน)

- น้ำมันมะพร้าวกับการทำออยล์พูลลิ่ง

ออยล์พูลลิ่งเป็นการบำบัดด้วยวิธีทางธรรมชาติ โดยการอมและเคลื่อนน้ำมันไปทั่วช่องปากประมาณวันละ 15-20 นาทีจึงบ้วนทิ้งไป ออยล์พูลลิ่งจะดึงแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคหรือสร้างสารพิษออกจากช่องปาก ทำให้ช่องปากรวมไปถึงร่างกายมีสุขภาพดี

 น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็นเหมาะจะใช้ทำออยล์พูลลิ่ง เนื่องจากเป็นน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพมากกว่าน้ำมันพืชชนิดใด มีความสะอาด และยังมีกลิ่นรสเป็นที่น่าพอใจอีกด้วย

- เรื่องราวของน้ำมันมะพร้าวกับต่อมลูกหมาก

ชายผู้หนึ่งอาศัยในประเทศฟินแลนด์ มีปัญหาต่อมลูกหมากโตทำให้ปัสสาวะลำบากมาเป็นเวลากว่าสิบปีจนต้องรับประทานยาติดต่อกันมา 7-8 ปีแล้ว แต่ผลข้างเคียงของยาทำให้คัดจมูก ชายผู้นี้ได้ความรู้จากอินเตอร์เน็ทว่า น้ำมันปาล์มสกัดสามารถแก้ปัญหาต่อมลูกหมากโตโดยไม่มีผลข้างเคียง จึงเปลี่ยนมาใช้น้ำมันปาล์มสกัดแทนยาโดยได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

ต่อมาเขาสังเกตว่ากรดไขมันในน้ำมันมะพร้าวและกรดไขมันในน้ำมันปาล์มนั้นมีความเหมือนกันในส่วนประกอบหลัก จึงเปลี่ยนมาใช้น้ำมันมะพร้าวแทนน้ำมันปาล์มสกัดที่หาซื้อยากในฟินแลนด์ ปัจจุบันเขารับประทานน้ำมันมะพร้าวติดต่อกันมาได้ 3 ปีแล้วโดยไม่มีปัญหากับการปัสสาวะ


- น้ำมันมะพร้าวกับเอนไซม์

เอนไซม์มีหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีในสิ่งมีชีวิต จึงมีความสำคัญกับชีวิตเป็นอย่างมาก หากเอนไซม์หยุดทำงานชืวิตจะดับสิ้นไปอย่างรวดเร็ว ยาพิษที่ชื่อไซยาไนด์มีฤทธิ์หยุดยั้งการทำงานของเอนไซม์ เมื่อเข้าไปสู่ร่างกายจะทำให้เสียชีวิตภายในเวลาไม่กี่วินาทีเพราะไปหยุดยั้งการทำงานของเอนไซม์

แต่ถ้าเอนไซม์ในร่างกายบกพร่องมีปริมาณลดน้อยลงเนื่องจากรับประทานอาหารที่ไม่มีเอนไซม์ ร่างกายจะเสื่อมโทรมเป็นบ่อเกิดของโรคต่างๆ น้ำมันมะพร้าวมีส่วนช่วยให้ร่างกายประหยัดเอนไซม์ทั้งทางตรงและทางอ้อม จึงมีส่วนทำให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงในอีกทางหนึ่ง

- น้ำมันมะพร้าวกับเอดส์

การทดลองเรื่องผลของน้ำมันมะพร้าวที่มีต่อไวรัส HIV ทำขึ้นครั้งแรกที่โรงพยาบาลซานลาซาโรในประเทศฟิลิปปินส์ การทดลองกระทำกับกลุ่มคนไข้อายุ 22-38 ปีที่ไม่เคยรับการรักษา HIV มาก่อน การทดลองใช้ระยะเวลา 6 เดือน ผลการทดลองวัดจากปริมาณไวรัสในเลือดและปริมาณของ CD4 (ซีดีโฟร์-ปริมาณของเซลล์เม็ดเลือดขาว)

โดยให้คนไข้บางส่วนรับประทานน้ำมันมะพร้าววันละ 3½ ช้อนโต๊ะหรือน้อยกว่าเป็นประจำทุกวัน และให้คนไข้บางส่วนรับประทานโมโนลอริน ซึ่งเป็นโมโนกลีเซอร์ไรด์ของกรดลอริคในน้ำมันมะพร้าว

เมื่อสิ้นสุดการทดลอง คนไข้ 8 ใน 14 คนมีปริมาณไวรัสในเลือดลดลง, 5 คนมีปริมาณ CD4 เพิ่มขึ้น และ 11 คนมีน้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งทั้งหมดเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการมีสุขภาพดีขึ้น น.พ.คอนราโด เดย์ริท กล่าวว่า "ผลการทดลองนี้ยืนยันคำกล่าวที่ว่า น้ำมันมะพร้าวมีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อและสามารถช่วยให้ปริมาณไวรัส HIV ลดลงได้"


- การรับประทานน้ำมันมะพร้าว
คำถามแรกที่ผู้เริ่มเรียนรู้ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวมักจะถามคือ ควรรับประทานน้ำมันมะพร้าวในปริมาณวันละเท่าไร? คำตอบคือ วันละเท่าไรก็ได้ที่คุณรู้สึกเหมาะสม แม้แต่วันละครึ่งช้อนก็มีประโยชน์ ขนาดที่แนะนำคือ 3½ ช้อนโต๊ะสำหรับผู้ใหญ่ทั่วๆไป เป็นปริมาณที่อัตราส่วนพอๆกับกรดไขมันสายปานกลางธรรมชาติที่พบในน้ำนมแม่

ซึ่งเป็นปริมาณเพียงพอที่จะป้องกันทารกจากการติดเชื้อ การเจ็บไข้ได้ป่วย และช่วยในการรับสารอาหารที่มีคุณค่าในสภาวะปกติทั่วๆไป โดยเฉลี่ยรับประทานคราวละน้อยตลอดทั้งวันจนครบจำนวน

สำหรับผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักประมาณ 70กก. ปริมาณ 3½ ช้อนโต๊ะเป็นปริมาณที่เหมาะสม ผู้ที่มีน้ำหนักน้อยกว่านี้สามารถลดปริมาณลง ½ ช้อนโต๊ะต่อน้ำหนักที่น้อยลง 10กก. ส่วนผู้ที่มีน้ำหนักมากกว่า 70กก. รับประทานวันละ 4 ช้อนโต๊ะถือเป็นปริมาณที่เหมาะสม


- น้ำมันมะพร้าวให้ผลดีที่สุดกับการบำรุงผิว

นอกจากการเสื่อมสภาพหรือการเกิดออกซิเดชั่นจะเกิดขึ้นภายในร่างกายแล้ว การออกซิเดชั่นสามารถเกิดขึ้นภายนอกร่างกายได้เช่นเดียวกัน การเสื่อมสภาพภายนอกร่างกายเกิดขึ้นที่ผิวนั่นเอง ซึ่งจะออกในรูปของการแพ้ เกิดรอยด่างดำต่างๆ

แม้แต่ผิวหนังเหี่ยวย่นก็เป็นผลของการเกิดออกซิเดชั่น การทาน้ำมันมะพร้าวที่ผิวจึงเป็นการลดหรือกำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นกับผิวนั่นเอง น้ำมันมะพร้าวยังปลอดภัยกับผิวเด็กเราจึงสามารถใช้ทาผิวทารก


- น้ำมันมะพร้าวอุดมไปด้วยวิตะมิน E คุณภาพสูง

วิตะมิน E ในน้ำมันมะพร้าวเป็นสารโทโคไทรอินอล ซึ่งเป็นรูปแบบของวิตะมิน E ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าวิตะมิน E อีกรูปแบบหนึ่งที่เป็นสารโทโคเฟอรอล ซึ่งใช้กันอยู่ในเครื่องสำอางรักษาผิวทั่วไปถึง 40-50 เท่า


- น้ำมันมะพร้าวช่วยป้องกัน-รักษาฝ้า กระ และสามารถใช้เป็นยากันแดด

อนุมูลอิสระเป็นสาเหตุหนึ่งของการเป็นฝ้าและกระ วิตะมิน E ในน้ำมันมะพร้าวจะทำหน้าที่ละลายอนุมูลอิสระเหล่านั้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นยากันแดดได้ดีอีกด้วย เนื่องจากเมื่อแห้งแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ

- น้ำมันมะพร้าวทำความสะอาดรูขุมขนช่วยลดปัญหาเรื่องสิว

เมื่อผิวหน้าของเราสกปรกรูขุมขนถูกอุดตัน ร่างกายไม่มีช่องทางให้ขับถ่ายของเสียจึงทำให้เกิดปัญหาเรื่องสิว ฝี และใบหน้าเกิดริ้วรอย การใช้เครื่องสำอาง เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้รูขุมขนถูกอุดตัน แต่รู้สึกว่าจะเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้สำหรับคุณสาวๆ พอล ซอร์ซี่ บิดาแห่งการทำน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์บีบเย็นกล่าวว่า เมื่อเราทาน้ำมันมะพร้าวที่ผิว

น้ำมันจะซึมผ่านรูขุมขนและทำความสะอาดมัน ทำให้ร่างกายมีช่องทางขับถ่ายของเสีย เพื่อเป็นการทดลอง พอลให้ใครสักคนเคี้ยวหมากฝรั่ง หลังจากนั้นพอลให้น้ำมันมะพร้าวแก่เขา 1 ช้อน หลังจากเคี้ยวหมากฝรั่งไปพร้อมกับน้ำมันมะพร้าว หมากฝรั่งจะค่อยๆละลายหายไปในปาก "นี่เป็นสิ่งเดียวกันกับที่เกิดขึ้นกับสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน" พอลกล่าว


- น้ำมันมะพร้าวช่วยสมานผิวป้องกันการเกิดปัญหาหน้าท้องลาย

น้ำมันมะพร้าวยังช่วยเร่งฟื้นฟูอาการบาดเจ็บและติดเชื้อของผิวหนังทุกชนิด ป้องกันการเกิดแผลเป็นที่น่าเกลียด หากใช้ก่อนล่วงหน้าอาการบาดเจ็บนั้นๆจะหายเร็วยิ่งขึ้น จึงเป็นการดีที่จะใช้เป็นประจำทุกวัน คุณผู้หญิงที่ต้องการจะเป็นแม่ หากนวดน้ำมันมะพร้าวที่หน้าท้อง ทุกวันตั้งแต่ก่อนไปจนตลอดและหลังการคลอด การเกิดท้องลายจะไม่เป็นปัญหา หรือผู้ที่เล่นเพาะกายเมื่อทำขนาดของร่างกายและกล้ามเนื้อให้ใหญ่ขึ้น บางคนมีริ้วรอยที่เกิดจากการยืดของผิวหนัง ปัญหานี้แก้ได้ด้วยน้ำมันมะพร้าว


- วิธีใช้น้ำมันมะพร้าวดูแลเส้นผมรากผมและหนังศีรษะ

น้ำมันมะพร้าวช่วยให้ผมเป็นเงางามแข็งแรง บางคนกล่าวว่าช่วยให้ผมไม่หงอกก่อนวัยและช่วยให้ผมไม่ร่วงป้องกันศีรษะล้าน ยังดีต่อหนังศีรษะและช่วยควบคุมรังแค

...วิธีใช้น้ำมันมะพร้าวดูแลเส้นผมรากผมและหนังศีรษะ ชโลมให้ทั่วหนังศีรษะ ด้วยปริมาณที่เหมาะสมประมาณ1ถึง2ช้อนชา นวดหนังศีรษะจนน้ำมันแทรกซึมทั่วหนังศีรษะและเส้นผมแต่อย่าใช้มากจนเปียกเกินไป

...หลังจากนั้น ทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาที (ยิ่งทิ้งไว้นานเท่าไรยิ่งดี) เพื่อให้น้ำมันแทรกซึมสู่หนังศีรษะจึงค่อยสระออก ...คุณอาจใส่ผมตั้งแต่ตื่นนอน และทิ้งไว้จนกระทั่งอาบน้ำตอนเช้าจึงสระออก

...หรือคุณอาจใส่ผมในตอนกลางคืน..ก่อนนอน โดยใช้หมวกอาบน้ำคลุมผมไว้ แล้วค่อยสระออกเมื่ออาบน้ำตอนเช้าก็ได้ ...คุณจะประหลาดใจที่ผมของคุณดูสวยเป็นเงางามและมีรังแคลดน้อยลง


- น้ำมันมะพร้าวเหมาะจะใช้เป็นน้ำมันนวด

น้ำมันมะพร้าวเหมาะที่สุดที่จะใช้เป็นน้ำมันนวด (massage therapy) เนื่องจากคุณสมบัติในการฟื้นฟูของมัน ช่วยให้ผิวหนังมีสุขภาพแข็งแรงดูมีน้ำมีนวล และยัง ช่วยผ่อนคลาย ลดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ ที่สำคัญไม่ทำให้เสื้อผ้าเปื้อน จึง ไม่ทำให้ที่นอนหรือผ้าปูที่นอนเสียหาย หากแม้คุณทำหกบนที่นอน รอยเปื้อนจะต่างจากรอยเปื้อนของน้ำมันอื่น

น้ำมันมะพร้าวอย่างเดียวก็เหมาะจะใช้เป็นน้ำมันนวด อย่างไรก็ตาม น้ำมันมะพร้าวร่างกายสามารถดูดซับได้ง่าย ผู้นวดหลายคนจึงผสมน้ำมันมะพร้าวกับน้ำมันไม่อิ่มตัวเชิงเดียวชั้นดีอย่างน้ำมันอัลมอนด์ ในอัตราส่วน น้ำมันอัลมอนด์ 1 ส่วนต่อน้ำมันมะพร้าว 2 ส่วน ซึ่งทำให้น้ำมันมีความเรียบลื่นขึ้นเมื่อนวดผ่านผิวหนัง


- สามารถใช้น้ำมันมะพร้าวนวดบรรเทาปัญหาข้ออักเสบ

ปัญหาข้ออักเสบ ขัด บวม และเจ็บปวด สามารถบรรเทาได้โดยการใช้น้ำมันมะพร้าวทาให้ชุ่มและนวดตรงบริเวณที่มีปัญหาเป็นประจำหรืออาจใช้ผ้าพันไว้ อาการบวมจะลดลง และความเจ็บปวดก็จะลดลงด้วย


- น้ำมันมะพร้าวกับการควบคุมน้ำหนัก

หากจะถามว่าน้ำมันมะพร้าวช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่? คำตอบคือ จริง แต่เป็น การช่วยทางอ้อม ไม่ได้เป็นผลโดยตรง ข้อดีของน้ำมันมะพร้าวอยู่ที่ เป็นกรดไขมันสายปานกลาง จึงย่อยได้ง่ายกว่า (ไขมันชนิดอื่นเป็นกรดไขมันสายยาว ต้องใช้เอ็นไซม์จากตับอ่อนเป็นตัวช่วยย่อย) และถูกส่งไปที่ตับโดยตรงเพื่อสร้างพลังงาน ทำให้ไม่ไหลเวียนในเส้นเลือดและสะสมตามเซลล์ไขมันเหมือนไขมันชนิดอื่นๆ ยังให้พลังงานได้มากกว่า

...ทำให้อิ่มเร็วขึ้นและอิ่มนาน ผลคือรับประทานอาหารน้อยลง เพียงแค่ เปลี่ยนมาใช้น้ำมันมะพร้าวปรุงอาหารแทนน้ำมันชนิดอื่นๆที่ใช้อยู่เป็นประจำ จะทำให้นน.ลดลงได้หลายกก.ใน 3 เดือน การควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนักด้วยการรับประทานน้ำมันมะพร้าว

 จึงต้องกระทำด้วยสามัญสำนึกของการลดนน. คือต้องออกกำลังกาย หลีกเลี่ยงการรับประทานคาร์โบไฮเดรท โดยเฉพาะน้ำตาลฟอกขาว ข้าวขัดขาว ขนมปังขาว และควรรับประทานผักสดและผลไม้สดให้มาก


- ผลิตภัณฑ์จากน้ำมันมะพร้า

เนื่องจากเล็งเห็นถึงประโยชน์อันมากมายมหาศาลของน้ำมันมะพร้าว นอกจากเราจะทำน้ำมันมะพร้าวบริสุทธ์บีบเย็นที่เหมาะกับการรับประทานเพื่อสุขภาพ และใช้ภายนอกเพื่อความงามของผิวพรรณและเส้นผมแล้ว เรายังนำมาทำเป็น...

ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางบำรุงสุขภาพอีกหลายชนิดเช่น แชมพู ครีมนวดผม ครีมหมักผม น้ำมันบำรุงผม น้ำมันบำรุงผิวหน้าพิเศษ ลิปกลอส สบู่ น้ำมันบำรุงผิว น้ำมันบำรุงผิวแต่งกลิ่น น้ำมันบำรุงผิวอโรมาเทอราปี ครีมสมานส้นเท้า และยังจะมีผลิตภัณฑ์จากน้ำมันมะพร้าวอื่นๆติดตามออกมาอีกหลายชนิด


ทั้งหมดนี้ต้องยกความดีให้กับความมหัศจรรย์จากธรรมชาติของน้ำมันมะพร้าว ดังนั้นวิธีการผลิตจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่ต้องคำนึงถึง การผลิตน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์อย่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในสไตล์บูติคออยล์ พิถีพิถันทุกขั้นตอนตั้งแต่จัดตั้งโรงงานในบริเวณที่มีมะพร้าวที่มีคุณภาพดี

เลือกใช้เครื่องมือที่ปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อม ไม่เพิ่มภาวะโลกร้อน ไม่ใช้เครื่องจักรที่มีกำลังไฟฟ้าสูงที่จะทำให้น้ำมันสะสมพลังงานกระแสแม่เหล็กไฟฟ้า ไม่เลือกวิธีที่ให้ผลผลิตมากที่สุด แต่ใช้วิธีที่คงคุณค่าของพลังชีวิตจากธรรมชาติไว้ให้มากที่สุด

เป็นสินค้าที่ปราศจากสารพิษและสารเคมี 100% เริ่มตั้งแต่การเลือกมะพร้าวจากสวนที่ปราศจากสารพิษหรือสารเคมี ไปจนจบกระบวนการการผลิตที่ปราศจากสารพิษและสารเคมี


คุณภาพของน้ำมันมะพร้าวที่ได้จึงใส เบา กลิ่นหอมมาก (ไม่มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว–หืน) รับประทานง่าย คงคุณสมบัติของธรรมชาติไว้สูง เพื่อความเป็น “น้ำมันมหัศจรรย์” และ “น้ำมันที่ดีที่สุดต่อสุขภาพ” อย่างแท้จริง


วงการแพทย์และนักโภชนาการสมัยใหม่ต่างยอมรับแล้วว่า น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพที่สุดในโลกแล้ว จึงอยากจะให้ผู้มีอุปการะคุณของเราที่ใช้ผลิตภัณฑ์ ขอจงได้ใช้ผลิตภัณฑ์ด้วยความสบายใจและพอใจ ให้สมกับคำขวัญที่ว่า "น้ำมันมะพร้าวทำให้คุณมีความสุข สุขภาพดี และสวยงาม"

/////////////////////////////////////////////////////////

2.....น้ำมันมะพร้าว สรรพคุณ ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าว

น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) คือ น้ำมันที่ได้จากการสกัดแยกน้ำมันจากเนื้อผลของ มะพร้าว (Cocos nucifera L.) โดยองค์ประกอบหลักของน้ำมันมะพร้าวคือกรดไขมันอิ่มตัว (เกิน 90% ของปริมาณกรดไขมันทั้งหมด) ซึ่งกรดไขมันเหล่านี้จะมีขนาดโมเลกุลปานกลาง (medium chain fatty acid) อย่างเช่น กรดลอริก (Lauric Acid) เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะถูกเผาผลาญได้ดี จึงถูกสะสมในเนื้อเยื่อไขมันได้น้อยกว่ากรดไขมันที่มีขนาดโมเลกุลยาว

จากการศึกษาพบว่าน้ำมันมะพร้าวไม่ได้มีผลต่อการลดลงของน้ำหนักตัวของกลุ่มผู้ทดลอง (น้ำหนักตัวเท่าเดิม และไม่มีผลทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้น) และไม่ได้ทำให้ไขมันชนิดเลว (LDL) เพิ่มมากขึ้น แถมยังช่วยเพิ่มระดับไขมันชนิดดี (HDL) จึงมีผลโดยตรงต่อการช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดอันเป็นสาเหตุมาจากไขมันเลวลงได้

น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ประโยชน์ของน้ำมันมะพร้าวที่จำหน่ายตามท้องตลาด ก็คือ น้ำมันที่สกัดมาจากเนื้อมะพร้าวโดยไม่ผ่านความร้อนและไม่ผ่านกระบวนการทางเคมี ซึ่งน้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ หรือ Virgin Coconut Oil จะมีลักษณะใส ไม่มีสี ไม่มีตะกอนและสามารถรับประทานได้

เรานิยมใช้น้ำมันมะพร้าวที่ดีที่สุดคือการใช้น้ำมันมะพร้าวแทนน้ำมันพืชชนิดอื่นๆ ในการประกอบอาหาร หรือจะใช้รับประทานเป็นอาหารเสริมก็ได้เช่นกัน โดยผู้ใหญ่รับประทานวันละ 3-4 ช้อนชา ส่วนเด็กรับประทานวันละ 1-2 ช้อนชา โดยแบ่งรับประทานออกเป็นมื้อๆจนครบตามจำนวน หรือจะนำมาใช้ผสมเป็นเครื่องดื่มต่างๆหรือน้ำผลไม้ก็ได้เช่นกัน (น้ำมันมะพร้าวผสมกับน้ำมะเขือเทศก็อร่อยใช้ได้เลยทีเดียว) และสำหรับสาวๆ ส่วนมากจะนิยมใช้ในการหมักผม ใช้เป็นคลีนซิ่งทำความสะอาดผิวหน้า และนำมาใช้ทาบำรุงผิว เป็นต้น

    น้ำมันมะพร้าวสามารถเป็นไขได้เมื่อมีอุณหภูมิต่ำกว่า 25 องศา โดยจะมีลักษณะเป็นครีมขาว เนื่องจากมีคุณสมบัติเป็นน้ำมันอิ่มตัวสูง จึงเป็นไขได้เร็วกว่าน้ำมันชนิดอื่นๆ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจหากไปหาซื้อตามจุดที่วางขายอย่างในห้างสรรพสินค้าต่างๆ แล้วน้ำมันมะพร้าวจะเป็นไข ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องเสียหายอะไร แต่กลับเป็นตัวบ่งบอกได้ว่าน้ำมันมะพร้าวยี่ห้อนี้มีคุณภาพที่ดีต่างหาก เมื่อซื้อมาแล้วก็เพียงแค่วางไว้ตามอุณหภูมิห้องก็จะกลับมาเป็นปกติ แต่ห้ามตากแดดนะ

การตรวจสอบคุณภาพของน้ำมันมะพร้าว

  •     น้ำมันมะพร้าวในเบื้องต้นให้ดูที่โรงงานการผลิต ฉลากบนขวดมีเครื่องหมาย อย.รับรองหรือไม่
  •     น้ำมันมะพร้าวที่ดีควรมีอายุการใช้งานนานมากประมาณ 5 ปีแม้จะเปิดใช้แล้วก็ตาม (แต่ถ้ามีกลิ่นเหม็นหืน เหม็นเปรี้ยวแล้วไม่ควรรับประทาน)
  •     น้ำมันจะต้องมีความใส และความโปร่งแสง กรณีอาจจะดูไม่ชัดเจนถ้าบางยี่ห้อขวดมีสีไม่ใช่สีใส
  •     น้ำมันมะพร้าวที่ดีต้องไม่มีกลิ่นหืนหรือกลิ่นเปรี้ยว แม้จะเปิดใช้แล้วก็ต้องไม่มีกลิ่น และต้องมีความหอมให้ความรู้สึกเหมือนเป็นน้ำมันสดใหม่
  •     เนื้อของน้ำมันมะพร้าวเมื่อทาแล้วจะต้องให้ความรู้สึกเบาบาง มีความหนืดน้อย หรือเมื่อรับประทานจะรู้สึกเหมือนว่าละลายในปากและผ่านลำคอได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว และเมื่อกลืนลงคอจะต้องไม่มีเลี่ยนและไม่มีกลิ่นรุนแรง
  •     น้ำมันมะพร้าวเมื่อนำมาใช้ทาผิวควรจะซึมเข้าสู่ผิวอย่างรวดเร็ว และต้องไม่คราบน้ำมันไว้บนผิว

ประโยชน์น้ำมันมะพร้าว

  •     ประโยชน์น้ำมันมะพร้าวน้ำมันมะพร้าวใช้ทาผิวเพื่อบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใสไม่แห้งกร้าน
  •     ช่วยในการชะลอวัย ชะลอความเสื่อมของร่างกาย เพราะน้ำมันมะพร้าวมีบทบาทในการช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี
  •     ไม่ทำให้อ้วน เป็นตัวช่วยเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการลดความอ้วน เนื่องจากน้ำมันมะพร้าวมีโมเลกุลขนาดกลางจึงถูกย่อยได้เร็วไม่มีการสะสมในร่างกาย โมเลกุลตัวนี้จะไปกระตุ้นกระบวนการเมตาบอ ลิซึม ทำให้แคลอรี่ที่เราทานเข้าไปในรูปของอาหารถูกเผาผลาญไปทำให้เหลือสะสมไขมันในร่างกายน้อยลง
  •     ช่วยลดน้ำหนักแบบทางอ้อม ด้วยการเพิ่มเมตาบอลิซึมทำให้เกิดความร้อน ทำให้อุณหภูมิร่างกายเพิ่มขึ้น ทำให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้ดีขึ้น จึงช่วยลดน้ำหนักได้
  •     ช่วยทำให้รับประทานอาหารมื้อต่อไปได้น้อยลง ช่วยยืดและชะลอความหิวออกไปให้นานขึ้น จึงเหมาะอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
  •     ช่วยล้างพิษ ขับพิษของเสียออกจากร่างกาย หรือช่วยดีท็อกซ์
  •     ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
  •     ช่วยบำรุงกำลัง
  •     เป็นอาหารให้แก่เซลล์ต่างๆในร่างกาย
  •     ช่วยทำให้ร่างกายปลอดเชื้อโรค
  •     ช่วยบำรุงหัวใจ ทำให้หัวใจมีสุขภาพดีและแข็งแรง
  •     ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ด้วยการช่วยเพิ่มไขมันชนิดดี (HDL) และไปช่วยลดไขมันเลว (LDL) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคหัวใจ
  •     ช่วยในการขยายหลอดเลือดและป้องกันการแข็งตัวของหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหัวใจ
  •     ช่วยลดอัตราความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง
  •     น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็นช่วยป้องกันการกลายพันธุ์ของเซลล์ไม่ให้เกิดเป็นเซลล์มะเร็ง
  •     ช่วยรักษาและบรรเทาอาการของโรคเบาหวานให้หายขาด
  •     ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตับอ่อนในการสร้างอินซูลินจึงดีต่อผู้เป็นโรคเบาหวาน
  •     ช่วยทำให้ผู้ป่วยเบาหวานไม่ต้องฉีดอินซูลินทุกครั้งที่น้ำตาลในเลือดมีระดับสูง
  •     ช่วยลดการเจริญเติบโตของเนื้องอก
  •     ช่วยรักษาคางทูม ด้วยการใช้น้ำมันมะพร้าวทาบริเวณที่เป็นคางทูมบ่อยๆ วันละ 3 ครั้ง ประมาณ 3 วันอาการจะดีขึ้น (น้ำมันมะพร้าว)
  •     ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคท้องมาน (As Cites) (น้ำมันมะพร้าวอ่อน)
  •     ใช้เป็นยารักษาโรคอหิวาตกโรค (น้ำมันมะพร้าวอ่อน)
  •     ช่วยระบายท้อง ทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น
  •     น้ำมันมะพร้าวมีส่วนช่วยบำบัดรักษาโรคกระดูกไขข้อ
  •     มีการใช้น้ำมันมะพร้าวผสมขี้ผึ้ง หรือทำเป็นน้ำมันเหลืองใช้นวดทาแก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้เป็นอย่างดี
  •     ช่วยรักษาแผลเรื้อรังที่เกิดจากการเป็นโรคเบาหวานมานานได้
  •     ใช้ทาแก้แผลน้ำร้อนลวกได้ (น้ำมันมะพร้าว)
  •     ช่วยสมานแผลไฟไหม้ได้เป็นอย่างดี
  •     น้ำมันมะพร้าวช่วยลดอาการอักเสบของผิวหนังได้
  •     ใช้เป็นยารักษาแผลเน่าเปื่อย
  •     ใช้รักษาอาการผดผื่นคันตามผิวหนังได้
  •     สามารถใช้รักษาโรคผิวหนังได้ (น้ำมันมะพร้าว)
  •     ช่วยแก้ชันนะตุพุพอง ด้วยการใช้น้ำมันมะพร้าวผสมเหง้า ขมิ้นชัน สารส้มเล็กน้อย แล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น (จะใช้น้ำมันมะพร้าวอย่างเดียวก็ได้)
  •     ช่วยรักษารังแคและเชื้อราบนหนังศีรษะ ด้วยการใช้น้ำมันมะพร้าวที่ได้จากการเคี่ยวน้ำกะทิแก่จัด แล้วนำมาทาบริเวณศีรษะทิ้งไว้ 30 นาที แล้วสระออกด้วยแชมพู โดยให้ใช้สัปดาห์ละ 2 ครั้ง (น้ำมันมะพร้าว)
  •     ช่วยรักษาโรคน้ำกัดเท้า ด้วยการใช้น้ำมันมะพร้าวผสมกับสารส้ม น้ำปูนใส และเกลืออย่างละนิด ผสมให้เข้ากันแล้วเอามาทาบริเวณที่เป็นบ่อยๆ จะทำให้หายเร็วขึ้น (น้ำมันมะพร้าว)
  •     น้ำมันมะพร้าวมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา เชื้อยีสต์ เชื้อไวรัส โปรโตซัว โดยไม่ทำให้เกิดอาการดื้อยาของเชื้อโรคและสามารถช่วยฆ่าเชื้อโรคบางชนิดที่เกราะไขมันห่อหุ้มเซลล์ ซึ่งยาปฏิชีวนะทั่วไปไม่สามารถฆ่าได้
  •     น้ำมันมะพร้าวหมักผม ช่วยบำรุงเส้นผมทำให้ผมดกดำ ทำให้สวยเงางามอย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยการชโลมน้ำมันมะพร้าวให้ทั่วหนังศีรษะ ในปริมาณที่เหมาะสม แล้วนวดหนังศีรษะจนน้ำมันซึมทั่วหนังศีรษะ เส้นผม ปลายผม แล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 15 นาทีแล้วค่อยสระออก (น้ำมันมะพร้าว)
  •     ช่วยบำรุงผมเสีย แก้ปัญหาผมร่วง ผมแตกปลาย ด้วยการใช้น้ำมันมะพร้าวชโลมผมตอนแห้งแล้วทิ้งไว้ 30 นาทีแล้วสรระออก จะทำให้เส้นผมนุ่มสลวยไม่พันกัน เส้นผมตรงมากยิ่งขึ้น
  •     น้ำมันมะพร้าวหมักผมน้ำมันมะพร้าว ผมร่วง ผมหงอกช่วยป้องกันได้
  •     น้ำมันมะพร้าวทาหน้า ช่วยบำรุงผิวให้นุ่มชุ่มชื้น แนะนำให้ใช้เฉพาะตอนกลางคืนหรือช่วงก่อนเข้านอน
  •     ใช้ทาหน้าท้องระหว่างตั้งครรภ์ จะช่วยทำให้ผิวบริเวณนี้มีความชุ่มชื้นไม่แห้งแตกลายได้
  •     น้ำมันมะพร้าวใช้ทาช่วยแก้อาการผิวแห้ง ผิวแตก ผิวลอก ผิวเป็นขุยได้
  •     น้ำมันมะพร้าว (ได้จากการต้มกากมะพร้าวบดหรือการบีบ) สามารถนำไปใช้ทำอาหารได้หรือใช้ผลิตเป็นเครื่องสำอางก็ได้
  •     น้ำมันมะพร้าวมีกรดลอริค (Lauric Acid) สูงมาก ซึ่งเป็นชนิดเดียวกันกับกรดไขมันที่มีในนมแม่ เมื่อบริโภคเข้าไปจะถูกเปลี่ยนเป็นโมโนลอรินที่มีฤทธิ์ในหารช่วยฆ่าเชื้อโรคต่างๆ เช่น แบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส ยีสต์ โปรโตซัว เป็นต้น
  •     น้ำมันมะพร้าวสามารถนำมาใช้ทาผิวเพื่อป้องกันแสงแดด และยังป้องกันโรคมะเร็งจากแสงแดดได้อีกด้วย (แต่ใช้กันแดดจะดีกว่านะ)
  •     ใช้ทาผิวหลังอาบน้ำเพื่อป้องกันรอยหมองคล้ำจากแสงแดด ซึ่งจะช่วยทำให้ผิวที่มีรอยหมองคล้ำค่อยๆจางหายไปได้
  •     ใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในเครื่องสำอางหลายชนิด ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยในการทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ และชะลอการเกิดริ้วรอย
  •     แก้ปัญหาส้นเท้าแตก ด้วยการทาน้ำมันมะพร้าวและนวดคลึงทุกวันก่อนนอนติดต่อกันประมาณ 1 สัปดาห์เมื่อหายแล้วให้ใช้ต่อไปเรื่อยๆ รอยแตกจะไม่กลับมากวนใจคุณอีก
  •     ใช้เป็นคลีนซิ่งออยล์ทำความสะอาดผิว และยังมีส่วนช่วยในผลัดเซลล์ผิวอีกด้วย จึงช่วยทำให้ผิวใสอย่างเป็นธรรมชาติ
  •     น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ใช้นวดเพื่อกระตุ้นความรู้สึกทางเพศได้
  •     น้ำมันมะพร้าวบริสุทธิ์ สามารถนำมาใช้กับกิจกรรมทางเพศได้ ด้วยการนำมาใช้แทนสารหล่อลื่นธรรมชาติ เนื่องจากมีคุณสมบัติคล้ายสารหล่อลื่นในช่องคลอด
  •     น้ำมันมะพร้าว สามารถเก็บไว้ได้นาน ไม่เหม็นหืน แต่จะจับตัวแข็งเมื่อถูกความเย็น ที่สำคัญไม่มีควันเมื่อถูกความร้อนสูง เหมาะแก่การทอดอาหารหรือขนมแบบทอดกรอบหรือแบบน้ำมันท่วม หรือจะใช้ผสมในน้ำผลไม้ลงในน้ำส้มคั้น ใส่แกงจืด ทำเป็นน้ำสลัด ราดบนน้ำแข็งใส ไอศกรีม หรือจะใส่ลงไปพร้อมกับหุงข้าวก็ได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้ข้าวมีความหอม นุ่มอร่อยเป็นพิเศษ

แหล่งอ้างอิง : ภญ.ธนิกา ปฐมวิชัยวัฒน์ ภาควิชาเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิยาลัยมหิดล,หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ดร.คิว ลานทอง, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.), กลุ่มงานพัฒนาวิชาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร สถาบันการแพทย์แผนไทย, วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

เรียบเรียงข้อมูลโดย ฟรินน์.คอม

วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

รีวิวก่อนใช้ ครีมมาส์กหน้า เอลลี่ครีม พลัส


ครีมมาส์กหน้า เอลลี่ครีม พลัส

มาดูสิว่า ele cream mask คืออะไรและช่วยดูแลผิวเราได้ยังไง
ele cream mask (แอลลี่ครีม มาส์ก)

บำรุงลึกเข้าตรงจุดถึงเซลล์ผิวชั้นในและใช้เวลารวดเร็วกว่าครีมพอกหน้าทั่วไปถึง10เท่า วิตามินพอกหน้าแบบเร่งด่วนยกกระชับปรับสีผิวฟื้นฟูสภาพผิวหน้าเสื่อมโทรมผลิตด้วยนาโนเทคโนโลยี เสริมสร้างและยับยั้งการทำลายคอลลาเจนช่วยลดริ้วรอย ต่อต้านอนุมูลอิสระ ด้วยคุณค่าของอาหารผิวที่มีความ เข้มข้นและความคงตัวที่เหนือกว่า ไม่เสื่อมสลายง่าย

ผิวจึงเต่งตึง กระชับ ยืดหยุ่น ชุ่มชื้น เนียนเรียบ กระจ่างใสขึ้นช่วยลดความหมองคล้ำ รวมถึง รอยฝ้าตื้นในระยะแรกและระยะกลางอย่างเห็นผล พร้อมช่วยลด ขนาดรูขุมขน แก้ปัญหาผิวหน้าดำคล้ำ หยาบกร้าน หนา ทาแป้งและรองพื้นไม่ติดได้อย่างดีเยี่ยม ด้วย ele cream

ele cream mask คืนความเยาว์แก่ผิว 3 ประการ

1.ฟื้นฟูสภาพเซลล์ผิวทำให้รอยเหี่ยวย่นตื้นขึ้น
2.กระตุ้นการสังเคราะห์คอลลาเจน ทำให้หน้านุ่มมีความยืดหยุ่นของผิวสูง
3.ให้พลังงานแก่เซลล์ผิว ทำให้หน้าเต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัย
ส่วนผสมของ ele cream mask

แอลลี่ครีม ครีมมาส์กหน้ามีส่วนผสมของ takezumi หรือ bamboo charcaol หรือถ่านขาว ที่นำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจะช่วยดูดซับสารพิษบนใบหน้า ชำระล้างผิว กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดทำให้หน้าสะอาดล้ำลึกและยังช่วย เพิ่มออกซิเจนให้กับใบหน้า อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามิน C และ E เข้มข้น เพื่อ บำรุงผิวหน้าให้มีสุขภาพดียิ่งขึ้น ele cream จะทำให้ใบหน้าของคุณ นุ่มเนียน ใส รูขุมขนกระชับยิ่งขึ้น

วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

รีวิว ประโยชน์ของสาหร่ายเกลียวทอง





สาหร่ายสไปรูลิน่าให้สารอาหารประเภทกรดอะมิโนที่จำเป็นในปริมาณสูงทั้ง 8 ชนิดดังนี้

1.   ไอโซลูซีน (Isoluecine) ที่ช่วยในการเจริญเติบโตพัฒนาการของความทรงจำ และยังใช้ในการสังเคราะห์กรดอะมิโนไม่จำเป็นบางตัวในร่างกายอีกด้วย

2.    ลูซีน (Luecine) กระตุ้นการทำงานของสมองทำให้กล้ามเนื้อมีกำลังมากขึ้น

3.    ไลซีน (Lysine) เป็นโครงสร้างของเซลล์เม็ดเลือด ที่มีหน้าที่สร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย เพิ่มความแข็งแรงให้กับระบบไหลเวียนโลหิต และทำให้การเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกายเป็นไปอย่างปกติ

4.    เมไธโอนีน (Methionine) ช่วยในกระบวนการเผาผลาญไขมันและกรดไขมัน ทำให้ตับมีสุขภาพดี และยังลดความเครียดของสมอง

5.    เฟนินอลานีน (Phynynollanine) ช่วยให้ต่อมไธรอยด์นำไปใช้สร้างไธรอยด์ฮอร์โมนที่ควบคุมพลังงานพื้นฐานของร่างกายที่เรียกว่า BMR

6.    เทรโอนีน (Threonoine) ช่วยให้การทำงานของระบบทางเดินอาหารเป็นปกติ และช่วยให้การดูดซึมสารอาหารเข้าสู่กระแสโลหิตเป็นไปได้ด้วยดี

7.    ทริปโตแฟน (Tryptophan) ทำให้ร่างกายสามารถนำเอาวิตามิน B มาใช้ประโยชน์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งส่งผลทำให้ระบบประสาททำงานได้ดีขึ้น เชื่อว่าให้ผลในการควบคุมอารมณ์และทำให้ใจเย็นลงได้

8.   วาลีน (Valine) กระตุ้นการทำงานของระบบการควบคุมอารมณ์ และการประสานงานการทำงานของระบบกล้ามเนื้อ

นอกจากนั้นยังมีวิตามิน B12 ที่พบว่า มีผลดีต่อการสร้างเม็ดเลือด ที่เป็นระบบภูมิต้านทานที่ดีของร่างกาย ให้วิตามิน A ในรูปของเบต้าแคโรทีน (Betacarotene) ที่ให้ผลเป็นสารต้านการเกิดปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น โดยการกำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้น มีวิตามัน B1 เป็นโคเอ็นไซม์ในขบวนการเผาผลาญสารอาหารและรักษาระดับ

กลูโคสในเลือด วิตามิน E ปกป้องระบบหัวใจและระบบเส้นเลือด ช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายสามารถนำเอาอ๊อกซิเจนไปใช้ได้เป็นอย่างดี และพบว่าให้ผลชะลอความแก่ได้

สาหร่ายสไปรูลิน่าเป็นสาหร่ายที่มีประโยชน์และมีสรรพคุณมากมายดังที่ได้กล่าวมาแล้ว แต่หากต้องการสุขภาพที่ดี จะต้องมีความสมดุลของการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย และการพักผ่อนอย่างเพียงพอควบคู่ไปด้วย


//////////////////////////////////////////////////////////////////////////

สาหร่ายเกลียวทอง มาจากคำว่าภาษาอังกฤษว่า สไปรัล (Spiral) หมายถึง รูปเกลียววนแบบ
ขดหอย จุดกำเนิดดั้งเดิม ของสาหร่ายเกลียวทองคือประเทศเม็กซิโก ทวีปแอฟริกาและที่อื่น ๆ
อีกหลายแห่ง ซึ่งชนเผ่าพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในแหล่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ใช้เป็นอาหารประจำวันมา
เป็นเวลาหลายพันปี มีเรื่องเล่าว่าชนเผ่าหนึ่งในประเทศชาด ทวีปแอฟริกาถิ่นที่อยู่เป็นโซน ที่แห้ง
แล้งที่สุด อาหารการกินแทบไม่มีอะไรพอที่จะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายได้เลย

แต่ผู้คนชาวเผ่านี้มีรูปร่างสูงใหญ่และ แข็งแรงมาก องค์การเอฟเอโอ (FAO) แห่งสหประชาชาติ
ไปศึกษาพบเข้า จึงความทึ่งมาก ได้ใช้ความพยายามค้นหาสิ่ง ที่สร้างร่างกายของชาวเผ่านี้อยู่
นาน ก็พบว่าในทะเลสาบใหญ่ของหมู่บ้านมีอาหารเสริมเป็นสาหร่ายชนิดนี้นี่เอง

สาหร่าย เกลียวทองเป็นสาหร่ายหลายเซลล์ สีเขียวแกมน้ำเงิน ขนาดเล็กมากจนมองด้วยตาเปล่า
ไม่เห็น มีโปรตีนสูงถึง 60-70% โดยน้ำหนักแห้ง องค์ประกอบของโปรตีนมีกรดอะมิโนถึง 18
ตัว มีวิตามินที่มีคุณค่าต่าง ๆ เช่น วิตามินเอ บี1 บี2 บี12 อี เอช ฯลฯ
และเมื่อไม่นานที่ผ่านมานี้สาหร่ายที่ได้รับความนิยมสูง คือ สาหร่ายคลอเรลลา (Chlorella) ซึ่งเป็นสาหร่ายเซลเดียว เมื่อเปรียบเทียบองค์ประกอบสารอินทรีย์ได้ผลดังนี้

องค์ประกอบสารอินทรีย์     สาหร่ายเกลียวทอง     คลอเรลลา
โปรตีน                               69.5% - 71%        40 - 56 %
คาร์โบไฮเดรต                    12.5 %                   10 - 25 %
ไขมัน                                 8.0 %                     10 - 30 %
วิตามิน โปรวิตามิน เอ บี1 บี2 บี6 บี12 อี นิโคตินิล แอซิด โฟลิค แอซิด
โปรวิตามิน เอ บี1 บี2 บี6 นิโคติค แอซิด
สารให้สี คลอโรฟิลล์
แคโรตินอยด์
ไฟโคไซยานิน
คลอโรฟิลล์
แคโรตินอยด์


เมื่อเปรียบเทียบระหว่างสาหร่ายเกลียวทองและครอเรลลา จะเห็นได้ว่า สาหร่ายเกลียวทอง
มีปริมาณโปรตีนสูง มีวิตามินมากกว่า มีสารให้สีไฟโคไซยานินซึ่งทำให้สาหร่ายเกลียวทอง
มีสีเขียวแกมน้ำเงินซึ่งคลอเรลลาไม่มี แต่แท้ที่จริงแล้ว สาหร่ายเกลียวทองนั้น เหนือกว่า
คลอเรลลาในแง่มุมสำคัญหลายข้อ ดังนี้

1. สาหร่ายเกลียวทอง เป็นสาหร่ายหลายเซลล์ที่มีขนาดใหญ่กว่าคลอเรลลาถึงกว่า 100 เท่า
    จึงไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องหมุนเหวี่ยงในการเก็บเกี่ยว
2. ผนังเซลล์ของสาหร่ายเกลียวทองนั้นบาง ทำให้ย่อยง่าย ดังนั้นจึงย่อยและดูดซึมได้เร็ว
3. คุณค่าทางอาหารมีมากกว่า ดังแสดงให้เห็นในตาราง

สำหรับสรรพคุณทางยาที่น่าพิศวง ของสาหร่ายเกลียวทอง ตัวอย่างการรักษาที่ได้ผลอย่างน่า
ประหลาดใจ ในคนไข้โรคเบาหวาน โรคตับ อาการตามัว โรคโลหิตจางและอื่น ๆ สามารถหา
รายละเอียดได้ใน งานแปลลำดับที่ 105 ของสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ เรื่อง
"ความลับของสาหร่ายเกลียวทองผลการรักษาที่แพทย์ญี่ปุ่นค้นพบ" เพราะในขณะนี้องค์การ
อาหารและยา ได้จัดสาหร่ายเกลียวทองเป็นเพียงผักชนิดหนึ่ง เหมือนเช่นอาหารที่รับประทาน
ทั่วไป ดังนั้นจึงไม่ควรที่จะแอบอ้างสรรพคุณในการรักษาโรค

สำหรับผู้ป่วยการใช้ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ควบคู่ไปกับการใช้ยาแผนปัจจุบัน
ซึ่งสาหร่ายเกลียวทองเป็นอาหารเสริมที่จะช่วยเสริมและขยายอำนาจของการรักษาของยาอีกด้วย
นอกจากนี้สาหร่ายเกลียวทองมิได้เหมาะสำหรับผู้ป่วยเท่านั้น หากยังเหมาะกับผู้ที่มีสุขภาพดีอยู่แล้ว
เพื่อเป็นปราการในการป้องกันโรค ดังนั้นสาหร่ายเกลียวทองจึงเหมาะสำหรับ

- เด็กในวัยเจริญเติบโต
- ผู้สูงอายุ เพื่อบำรุงร่างกายให้แข็งแรง
- นักกีฬาทุกประเภท
- บุคคลทั่วไปที่ต้องการเสริมสร้างความแข็งแรง สมบูรณ์ ให้แก่ร่างกาย
- สตรีในระหว่างตั้งครรภ์และหลังคลอด
- ผู้ที่ตรากตรำทำงานหนัก เครียด
- ผู้ที่เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย นอนไม่หลับ
- ผู้ป่วยในระยะพักฟื้นและหลังผ่าตัด
- ผู้ที่มีปัญหาในเรื่องโรคกระเพาะ โลหิตจาง เบาหวาน โรคตับ
- ผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัติ
- ผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก
- ผู้ที่ขาดสารอาหาร

สาหร่ายเกลียวทอง เป็นอาหารเสริมที่มีคุณประโยชน์มหาศาล การที่จะพิจารณาว่าควรบริโภค
หรือไม่นั้น ก็ย่อมขึ้นกับว่าเรารับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพียงพอหรือไม่ และสิ่งที่ลืมเสีย
ไม่ได้คือควรจะ ออกกำลังกาย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ๆ ละประมาณ 30 นาที ดื่มน้ำวันละ
6-8 แก้ว นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอทำจิตใจให้สงบ ไม่เครียด เพียงเท่านี้เราก็จะมีสุขภาพ
ที่ดีทั้งกายและใจ

แต่ถ้ามีกำลังทรัพย์เพียงพอก็อาจจะหาอาหารเสริมสุขภาพมารับประทานก็ไม่ผิดอะไร จะได้มี
สุขภาพที่แข็งแรงยิ่งขึ้น


ญี่ปุ่นเป็นชนชาติที่มีความผูกพันอยู่กับสาหร่ายทะเลและสาหร่ายน้ำจืด อยู่มาก จนเห็นได้ว่าสาหร่าย
กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการบริโภคของ ชาวญี่ปุ่น มีผู้ให้ความเห็นว่า การที่ชาวญี่ปุ่น
มีสุขภาพแข็งแรงและอายุยืน ปลอดจากโรคภัยหลายชนิดที่ชาวตะวันตกประสบกันอยู่นี้ เนื่องจาก
ชาวญี่ปุ่นรับประทานอาหารที่มีความสมดุลมากกว่า เช่น ปลา และสาหร่าย สาหร่ายที่ชาวญี่ปุ่น
นำมารับประทานนั้น มีตั้งแต่สาหร่าย ทะเลซึ่งอุดมไปด้วยไอโอดีนและแร่ธาตุอื่น ๆ

สาหร่ายหลายเซลล์ เช่น พวกสไปรูไลน่า หรือที่คนไทยรู้จักในชื่อว่า "สาหร่ายเกลียวทอง" อันเป็น
สาหร่ายน้ำกร่อย นิยมใช้เป็นอาหารเสริมโปรตีน เนื่องจากมีโปรตีนสูงมาก มีกรดไขมันที่หายาก เช่น
กรดแกมม่าไลโนเลนิก (Gamma Linolenic) ที่พบเฉพาะในพืชบางชนิดเท่านั้น

ทุกวันนี้มนุษย์กำลังหันกลับเข้าสู่ธรรมชาติ เพื่อหลีกเลี่ยงการ ใช้สารเคมีสังเคราะห์ในการบำบัด
รักษาโรค ถ้าสิ่งใดที่สามารถป้องกันได้ ด้วยสารจากธรรมชาติก็จะเป็นที่นิยมยิ่งนัก สาหร่าย
เกลียวทอง เป็นพืชธรรมชาติชนิดหนึ่ง ซึ่งถ้าได้รับประทานติดต่อกันนานพอสมควร จะมีผลดีต่อ
สุขภาพพลานามัยหลายประการ

สาหร่ายเกลียวทอง เป็นพืชหลายเซลล์ มีลักษณะเป็นเกลียว ผนังเซลล์ประกอบด้วยน้ำตาลชนิดต่าง ๆ
และโปรตีนซึ่งแตกต่างจาก พืชชนิดอื่น ๆ ที่ส่วนใหญ่ประกอบด้วยเซลลูโลส เป็นสาหร่ายสีเขียวเข้ม
ชอบขึ้นในน้ำอุ่นที่มีความเป็นด่างสูง แต่สามารถปรับตัวให้อยู่ใน สภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้ดีกว่า
พืชชนิดอื่น ปัจจุบันเป็นที่นิยมนำมา เป็นอาหารกันมาก จึงมีการเพาะเลี้ยงเป็นอุตสาหกรรมเพื่อให้
เพียงพอ ต่อความต้องการ ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศแรกที่ทำการเพาะเลี้ยง ต่อมาเป็น
ประเทศไทย อินเดีย จีน และประเทศอื่น ๆ

คุณค่าทางโภชนาการของสาหร่ายเกลียวทอง
สาหร่ายเกลียวทอง จะมีคุณค่าทางอาหารเช่นเดียวกับอาหารชนิดอื่น ๆ ที่น่าสนใจสำหรับแพทย์
และนักโภชนาการ คือมีโปรตีนสูงถึง 65% เมื่อ เปรียบเทียบกับพืชชนิดอื่น ๆ ที่มีโปรตีนสูง เช่น
ถั่วเหลือง ซึ่งให้โปรตีนเพียง 37% สาหร่ายเกลียวทองจึงนับเป็นพืชที่ให้โปรตีนสูง ทั้งยังพบว่า
โปรตีนของสาหร่ายเกลียวทองมีปริมาณสูงกว่าเนื้อสัตว์ สาหร่ายเกลียวทอง จึงนับได้ว่าเป็นแหล่ง
โปรตีนอีกแหล่งหนึ่งได้ นอกจากนี้ ยังประกอบไปด้วย กรดแกมม่าไลโนเลนิก (GLA) สูงกว่าพืช
ชนิดอื่น ๆ ซึ่งกรดนี้มีคุณสมบัติ ช่วยลดไขมันในเลือด ลดความดันโลหิต บรรเทาอาการข้ออักเสบ
ปวดประจำเดือน ผิวหนังอักเสบ และสิวฝ้า

วิตามินและเกลือแร่ในสาหร่ายเกลียวทอง
สาหร่ายเกลียวทอง มีวิตามินอยู่ในปริมาณต่าง ๆ กัน วิตามิน ที่น่าสนใจได้แก่ วิตามิน B12 ซึ่งปกติ
จะมีมากในเนื้อสัตว์ และมีปริมาณ น้อยมากในพืชทั่ว ๆ ไป ผู้ที่รับประทานมังสวิรัติจึงมักขาดวิตามิน
B12 ซึ่งทำให้เกิดโลหิตจางได้ สาหร่ายเกลียวทองจึงเป็นทางเลือกสำหรับ ผู้ที่รับประทานอาหาร
มังสวิรัติ ทั้งนี้เพราะสาหร่ายเกลียวทองเป็นพืชที่มีวิตามิน B12 สูง วิตามินอีกชนิดหนึ่งที่มีมาก
ในสาหร่ายเกลียวทองคือ วิตามิน A ซึ่งอยู่ในรูปของเบต้าแคโรทีน มีบทบาทสำคัญในการลด
อนุมูลอิสระ (free radical) ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าผู้ที่รับประทานเบต้าแคโรทีนจะมีภูมิคุ้มกัน
โรคสูง ประโยชน์ของเบต้าแคโรทีนจึงนำมาใช้เป็นสารต้านมะเร็งชนิดต่าง ๆ เป็นแหล่งอาหาร
ที่มีวิตามิน E, วิตามิน C, วิตามิน B1, B6 และไนอาซีนสูง

นอกจากวิตามินต่าง ๆ แล้ว สาหร่ายเกลียวทองยังอุดมไปด้วยเกลือแร่ที่ จำเป็นต่อร่างกายอีกมากมาย
เช่น ธาตุเหล็ก สังกะสี แมงกานีส ทองแดง เซเลเนียม และแคลเซียม นอกจากนี้เม็ดสีในสาหร่าย
เกลียวทอง ยังประกอบด้วยสีเขียวของคลอโรฟีลล์ สีน้ำเงินของไพโคไซยานินสีส้มของเบต้าแคโรทีน
และแซนโตฟิล
มีรายงานวิจัยหลายเรื่องพิสูจน์ว่า คลอโรฟีลล์ หรืออนุพันธ์ มีผลต่อ การเจริญของแบคทีเรียและสัตว์
การเผาผลาญอาหาร การหายใจ กระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง การทำงานของฮอร์โมน และการ
กำจัดสารพิษออกจากร่างกาย

คุณค่าทางเสริมสร้างภูมิต้านทานโรคต่าง ๆ
สาหร่ายเกลียวทอง อุดมไปด้วยสารอาหารและวิตามิน-เกลือแร่มากมาก เหมาะสำหรับใช้เป็นอาหาร
เสริม เพื่อเสริมสร้างสุขภาพ สร้างภูมิคุ้มกันโรค ระบบขับถ่ายสารพิษ และป้องกันการเกิดโรค
โลหิตจางในผู้ที่รับประทาน อาหารมังสวิรัติ  ดังนั้นสาหร่ายเกลียวทองจึงเป็นพืชที่น่าจะส่งเสริม
ให้เพาะเลี้ยงให้มี ปริมาณเพียงพอ เพื่อใช้เป็นแหล่งอาหารประเภทโปรตีน เพราะสามารถ เพาะเลี้ยง
ได้เองในประเทศไทย

ข้อมูลจาก
โดย 1: ภ.ญ.ผุสดี สุคนธมาน
       2: อาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข
http://www.moph.go.th/gpo/news/brain/food05.htm


ความรู้เรื่องสาหร่ายเกลียวทอง
สาหร่ายเกลียวทอง ที่โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาศึกษาและเพาะเลี้ยงมีชื่อทางวิทยาศาสตร์
ว่า Spirulina plantensis มีขนาดเล็กมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็น มีลักษณะจำเพาะที่เห็นด้วย
กล้องจุลทรรศน์ เป็นสีเขียวแกมน้ำเงิน เป็นสายยาวบ้าง สั้นบ้าง ลักษณะของสายบิดเป็นเกลียว
มีแหล่งอาศัยทั้งในน้ำจืด น้ำกร่อย และน้ำเค็ม แต่ส่วนใหญ่จะพบในน้ำจืดมากกว่าน้ำเค็ม และ
เจริญเติบโตได้ทั้งในน้ำสะอาดและน้ำทิ้ง หรือน้ำเสียจากแหล่งต่างๆ

สาหร่ายเกลียวทองเจริญเติบโตได้ดีหรือไม่ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่มีผลต่อการเจริญเติบโตหลายประการ
และคุณค่าทางอาหารจะแตกต่างกันไปตามสิ่งแวดล้อมที่สาหร่ายเกลียวทองเจริญอยู่
สาหร่ายเกลียวทองมีกระบวนการผลิตที่ไม่ยุ่งยากนัก และเป็นสาหร่ายที่มีประโยชน์หลายด้าน เพราะ
เป็นแหล่งโปรตีนที่ดี และมีคุณค่าทางอาหารสูง แต่สูตรอาหารที่นำมาเพาะเลี้ยงประกอบด้วยสาร
เคมีมากมายหลายชนิดและมีราคาแพงทำให้สาหร่ายเกลียวทองมีราคาสูงไม่เหมาะจะนำมาเลี้ยงสัตว์
งานวิจัยและพัฒนา โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาจึงได้ศึกษาค้นคว้าหาส่วนผสมสำหรับ
การเพาะเลี้ยง โดยมีวัตถุประสงค์ในการนำสิ่งเหลือใช้จากโครงการส่วนพระองค์ โครงการอื่นๆ
กลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อลดต้นทุนการผลิต

รีวิวก่อนใช้ สบู่สมุนไพรจีน ก๊กเลี้ยง

สบู่สมุนไพรจีน ก๊กเลี้ยง

สบู่สมุนไพรจีน ก๊กเลี้ยง ได้ผสมผสานสมุนไพรจาก บัวหิมะ ไข่มุกจีนและรากโสม ที่ช่วยฟื้นฟูและปรับสภาพผิวจากมลภาวะและวัยที่ล่วงเลย ให้มีสุขภาพดี ขลัดกลิ่นกาย และชำระล้างความมัน และสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของสิวบนใบหน้า และแผ่นหลัง พร้อมแร่ธาตุสำคัญใน พิมเสน ชามะลิ ที่ช่วยลดริ้วรวยด่งดำจากสิว ทำให้ผิวขาวกระชับเปล่งปลั่งอย่างเป็นธรรมชาติ

สบู่สมุนไพรก๊กเลี้ยง ได้รับการพัฒนาจากผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรจีน ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยนำศาสตร์ความรู้โบราณและคุณค่าของสมุนไพร มาผสมกัน

สรรพคุณ

    ช่วยปรับสภาพ และฟื้นฟูให้ผิวมีสุขภาพดี
    ขจัดกลิ่นกาย ชำระล้างความมัน กำจัดสิ่งสกปรกที่อุดตันรูขุมขน
    ช่วยลด และระงับการเกิดสิว ที่บริเวณหน้า ลำตัว และแผ่นหลัง
    ลดการเกิดริ้วรอยด่างดำจากสิว
    ช่วยให้ผิวกระชับเปล่งปลั่ง อย่างเป็นธรรมชาติ

วิธีใช้

ใช้ล้างหน้าและชำระล้างร่างกาย นวดผิวเบาๆ ทิ้งไว้สักครู่ แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด การนวดผิวช่วยให้ระบบหมุนเวียนของเลือดดีขึ้น

ส่วนประกอบสำคัญ

บัวหิมะ, รากโสม, พิมเสน, ชามะลิ, ไข่มุกจีน